Hedge Fund คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์

July 30, 2021

Hedge fund เป็นหนึ่งในกองทุนทางเลือก แม้จะดูขัดแย้งกับชื่อของมัน แต่ Hedge fund นั้นไม่ใช่กองทุนรวมหรือหมายถึงกลยุทธ์การลงทุนแต่อย่างใด อันที่จริงมันคือสถาบันจัดการกองทุน ซึ่งจัดตั้งโดยผู้จัดการกองทุนหรือที่ปรึกษาการลงทุน 

Hedge fund จะใช้เงินทุนของลูกค้าเพื่อสร้างผลกำไรในตลาด โดยใช้กลยุทธ์ในการลงทุนและการเทรดที่หลากหลาย หรือสามารถกล่าวได้ว่านักลงทุนจะลงทุนใน Hedge fund เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนลงทุนแทนพวกเขา แล้วได้ผลตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) หรือค่าส่วนแบ่งจากผลกำไร (Performance Fee) 

สารบัญเนื้อหา คลิกเพื่ออ่านในหัวข้อต่างๆ

ประวัติการลงทุนและโครงสร้าง 

Hedge fund ก่อตั้งขึ้นในช่วงปี 1950 โดยมีจุดเด่นที่มีการบริหารแบบเชิงรุกเมื่อเทียบกับกองทุนแบบดั้งเดิมต่าง ๆ 

ประวัติของ Hedge Fund

อย่างที่ได้เห็นไปแล้วว่าแนวคิดของ Hedge fund นั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1949 ในขณะนั้น Alfred Winslow Jones ทำหน้าที่เป็นผู้คิดกลยุทธ์การลงทุน ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเทียบกับกลยุทธ์ที่ใช้ในกองทุนแบบดั้งเดิม เขาจึงได้คิดค้นพอร์ตการลงทุนที่ประกอบไปด้วย ผู้ซื้อ, ผู้ขาย และเงินทุน (เลเวอเรจ) เพื่อให้สามารถสร้างผลกำไรได้มากขึ้น 

ในปี 1952 Alfred เปลี่ยนโครงสร้างบริษัทของเขาให้เป็นบริษัทจำกัด แล้วเรียกเก็บเงินจากนักลงทุน 

20% เป็นค่าคอมมิชชั่นในการดำเนินงาน ต่อมา Hedge fund อื่น ๆ ก็ได้ใช้โมเดลการบริหารแบบเชิงรุกเช่นกัน ในช่วงปี 1970 Hedge fund นั้นถือว่าประสบความสำเร็จ เมื่อสถาบันการลงทุนต่าง ๆ เหล่านี้สามารถทำผลงานได้ดีกว่ากองทุนแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตามไม่ใช่ Hedge fund ทุกกองทุนที่ประสบความสำเร็จ มีบางกองทุนต้องปิดตัวลงหลังจากที่สูญเสียเงินทุนก้อนใหญ่ไป

บริษัท Bridgewater Associates เป็นหนึ่งใน Hedge fund ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ ก่อตั้งโดย Ray Dalio ในปี 1975 และยังคงดำเนินการอยู่ โดยปัจจุบันมีการบริหารจัดการทรัพย์สินมากกว่า $160 พันล้าน (~฿5 ล้านล้าน) 

ประวัติของ Hedge Fund

ที่มาของชื่อ Hedge Fund

คำว่า “Hedge fund” มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้จัดการกองทุนบางคนมีการเปิดสถานะทั้งแบบซื้อ (Long) และ ขาย (Short) หุ้นพร้อมกัน Hedging เป็นคำศัพท์ในตลาดหุ้น หมายถึง การจำกัดความเสี่ยงด้วยการเปิดสถานะ 2 ตำแหน่ง (Position) ที่อยู่ตรงข้ามกันในปริมาณใกล้เคียงกัน 

อย่างไรก็ตาม Hedge fund มีการบริหารจัดการโดยกลยุทธ์ที่หลากหลาย สามารถเทรดสินทรัพย์ได้หลายประเภทไม่ใช่เพียงแค่หุ้นเท่านั้น Hedge fund กองทุนแรกก่อตั้งขึ้นในปี 1949 โดย Alfred Winslow Jones นักลงทุนชาวออสเตรเลีย

จุดประสงค์ของ Hedge Funds

จุดประสงค์ของ Hedge fund นั้นเรียบง่าย นั่นก็คือทำให้เงินทุนของลูกค้าเติบโตมากขึ้น กองทุนพยายามสร้างกำไรไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เช่น ตลาดกระทิง (Bullish), ตลาดหมี (Bearish), ตลาดมีความผันผวน (Volatility) เป็นต้น ผู้จัดการกองทุนจะทำหน้าที่เป็นเทรดเดอร์ ปรับกลยุทธ์ตามความผันผวนของตลาด 

โครงสร้างการลงทุน 

อ้างอิงจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) Hedge fund หมายถึง “กองทุนรวมเอกชนแบบไม่ลงทะเบียน โดยที่มีการใช้มาตรการป้องกันที่ซับซ้อน รวมทั้งใช้เทคนิคเก็งกำไรในตลาดกองทุน” แตกต่างจากกองทุนแบบดั้งเดิมที่จะสร้างผลกำไรสัมพันธ์กับตลาด ในขณะที่ Hedge fund ต้องการสร้างผลดำเนินการชนะตลาด โดยไม่อ้างอิงตามเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ใด ๆ 

นักลงทุนจะได้รับการเปิดเผยกลยุทธ์การลงทุนต่าง ๆ โดย Hedge fund มากกว่าจากตลาด นักลงทุนหลาย ๆ คนที่หันมาลงทุนใน Hedge fund นั้นแสวงหาผลกำไรที่เหนือตลาด ดังนั้น Hedge fund จึงมีการบริหารจัดการแบบเชิงรุก ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิม

สินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้  

กองทุนรวมโดยทั่วไปจะจำกัดการลงทุนเฉพาะหุ้นและพันธบัตร ในขณะที่ Hedge fund สามารถเทรดสินทรัพย์ได้หลากหลาย 

  • หุ้น (Stocks)
  • พันธบัตร (Bonds)
  • กองทุนรวม (Mutual funds)
  • ฟอเร็กซ์ (Forex)
  • คริปโต (Cryptocurrencies) 
  • อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
  • ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) เช่น ฟิวเจอร์ส (Futures), ออปชั่น (Options), สวอป (Swaps), เป็นต้น 

ความหลากหลายของสินทรัพย์นี้เองที่ทำให้ Hedge fund นั้นดึงดูดนักลงทุนมากมายที่ต้องการเพิ่มความหลากหลายในพอร์ตการลงทุน 

ปัจจุบันมี Hedge fund เกือบ 15,000 กองทุนทั่วโลก และมีการบริหารสินทรัพย์มากกว่า $3 พันล้าน (~฿95 พันล้าน) 

Hedge Fund สินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้  

ใครสามารถลงทุนใน Hedge Funds ได้บ้าง?

Hedge fund มีการกำหนดเงินทุนขั้นต่ำในการลงทุนในกองทุน ซึ่งจะอยู่ที่ $60,000 (~฿2,000,000) โดยประมาณ ประเภทนักลงทุนที่สามารถลงทุน Hedge fund ได้มีดังนี้  

  • บุคคลร่ำรวย  
  • ธนาคาร 
  • สถาบันการเงิน 
  • กองทุนบำเหน็จบำนาญ

Hedge Fund ทำงานอย่างไร?

Hedge fund ดำเนินการบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างนักลงทุนและผู้จัดการกองทุน 

พวกเขาจะโน้มน้าวแนวทางการลงทุนที่น่าเชื่อถือแก่ผู้มุ่งหวัง เมื่อนักลงทุนได้ลงทุนเงินใน Hedge fund แล้ว พวกเขาจะถูกเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม 2 ประเภท ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) และ ค่าส่วนแบ่งจากผลกำไร (Performance Fee) ซึ่งจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป

คุณลักษณะของ Hedge Fund

  • กลยุทธ์การลงทุนอาจจะมีความซับซ้อนขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ซึ่งจะสัมพันธ์กับตลาดและตราสารอนุพันธ์  
  • Hedge fund ส่วนใหญ่มีโครงสร้างราคาแบบ “2 และ 20” หมายถึง มีการคิดค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 2% และค่าส่วนแบ่งจากผลกำไร (Performance Fee) 20% 

เลเวอเรจ 

Hedge fund จะใช้เลเวอเรจในการเพิ่มผลกำไรในตลาด ซึ่งสามารถทำได้หลายทาง ดังนี้ 

การเทรดแบบ Margin (Margin Trading): การเทรดรูปแบบนี้คือการยืมเงินทุนเพื่อนำมาเปิดโพสิชั่นที่ใหญ่ขึ้น ซึ่ง Hedge fund สามารถยืมทุนจากธนาคารเพื่อการลงทุนได้ 

ตัวอย่าง Hedge fund ที่มีเงินทุน $600 (~฿19,500) สามารถยืมเงินทุนได้อีก $600 (~฿19,500) จากสถาบันการเงินเพื่อนำมาลงทุน $1,200 (~฿39,000) ต่อมาเมื่อมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น $2,400 (~฿78,000) จะได้กำไรเท่ากับ $1,200 (~฿39,000) แทนที่จะเป็น $600 (~฿19,500) ซึ่งเป็นกำไรที่ได้หากเริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียง $600 (~฿19,500) 

วงเงินสินเชื่อ: Hedge fund สามารถยืมเงินทุนเพิ่มขึ้นจากธนาคารเพื่อใช้ในการเจรจา ซึ่งมีหลักการเดียวกันกับการเทรดแบบ Margin

โครงสร้างราคา 

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ค่าคอมมิชชันพื้นฐานของกองทุนคือ “2 และ 20” Hedge fund จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 2% ต่อปี คิดจากสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุน ไม่ว่าตลาดจะมีการทำงานอย่างไรและอยู่ในสภาวะใดก็ตาม นอกจากค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) ที่นักลงทุนต้องจ่ายแล้ว ยังมีค่าส่วนแบ่งจากผลกำไร (Performance Fee) เมื่อกองทุน Hedge fund สามารถสร้างผลกำไรจากการลงทุนได้ โดยปกติจะคิดเป็น 20% ของกำไร 

Hedge Fund โครงสร้างราคา

ตัวอย่าง ผู้จัดการกองทุนได้ก่อตั้ง Hedge fund ขึ้นมา โดยมีนักลงทุนได้ลงเงินทุนเป็นเงิน $1.2 ล้าน (~฿38 ล้าน) ผู้จัดการกองทุนจะได้รับ 2% ของ $1.2 ล้าน (~฿38 ล้าน) หรือเท่ากับ $24,000 (~฿764,604) ไม่ว่าการดำเนินการจะเป็นอย่างไร และหากว่าเขาสามารถสร้างกำไรได้ $240,000 (~฿7.6 ล้าน) จากการบริหารจัดการ ผู้จัดการกองทุนจะได้รับเงินอีก 20% ของกำไรซึ่งคิดเป็น $48,000 (~฿1.5 ล้าน) 

กลยุทธ์ต่าง ๆ ของ Hedge Fund

นับตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้ง Hedge Fund มีกลยุทธ์การลงทุนมากมายที่ได้พัฒนาขึ้นมา ทั้งกลยุทธ์ที่เรียบง่ายอย่างการซื้อและถือ ไปจนถึงกลยุทธ์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นและมีการใช้ตราสารอนุพันธ์ด้วย 

กลยุทธ์ Macro-Economic 

กลยุทธ์มหภาคนั้นค่อนข้างเรียบง่าย และมีพื้นฐานส่วนใหญ่มาจากปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ เช่น GDP หรืออัตราดอกเบี้ย อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองอีกด้วย 

ตัวอย่าง สมมติว่าประเทศสหรัฐอเมริกายกเลิกการคว่ำบาตรอิรัก เหตุการณ์นี้จะส่งผลให้ประเทศสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น นั่นหมายถึงการผลิตน้ำมันของทั้งโลกจะเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น Hedge Fund จึงสามารถคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มตกลงได้ 

  • ข้อดี: ได้ประโยชน์จากการลงทุนระยะยาว 
  • ข้อเสีย: มีปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์มหภาคหลายอย่างที่อาจส่งผลต่อการลงทุน

กลยุทธ์ Multi-Strategy

กองทุนที่มีการเก็งกำไรจะใช้กลยุทธ์การลงทุนและสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อให้ชนะตลาด กองทุนเหล่านี้จะไม่ใช่กลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่งโดยเฉพาะ เพราะเป้าหมายคือการสร้างกำไรไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม สำหรับกลยุทธ์ Hedge Fund รูปแบบนี้จะมีความเป็นอนุรักษ์นิยมสูง และให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยง 

  • ข้อดี: พอร์ตการลงทุนมีความหลากหลาย  
  • ข้อเสีย: ความหลากหลายที่มากเกินไปอาจจะจำกัดผลตอบแทน

กลยุทธ์ Event-Driven 

สำหรับกลยุทธ์ Event-driven ผู้จัดการกองทุนจะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์เศรษฐกิจจุลภาคที่เกี่ยวข้องกับบริษัทหรือภาคส่วน มันก็คือการเทรดโดยดูจากข่าวสารต่างๆ นั่นเอง 

ตัวอย่าง เมื่อมีคำเตือนเกี่ยวกับกำไรเกิดขึ้นมักจะตามมาด้วยหุ้นของบริษัทตกลง Hedge Fund จะใช้ประโยชน์ในเหตุการณ์นี้ขายหลักทรัพย์ ดังนั้นกลยุทธ์ Event-driven จะพยายามสร้างกำไรจากความผันผวนในระยะสั้น

  • ข้อดี: ทำให้คุณสามารถจับความเคลื่อนไหวในระยะสั้นได้ 
  • ข้อเสีย: ต้องมีการดำเนินการที่รวดเร็ว บางครั้งต้องก่อนที่ข่าวจะออกอย่างเป็นทางการ 

กลยุทธ์ Long-Short Equity

กลยุทธ์นี้มีความเรียบง่ายที่สุดในตลาดหุ้น ประกอบด้วยการซื้อสินทรัพย์ในช่วงราคาต่ำ และการขายออกเมื่อมีมูลค่าสูงขึ้น Hedge Fund สามารถเป็นได้ทั้งผู้ซื้อหรือผู้ขายในตลาด ซึ่งมีข้อดีที่สามารถสร้างกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง 

สำหรับกลยุทธ์ Long-Short Equity นั้นสามารถแบ่งได้อีก 3 ประเภท: 

  • Long-biased: Hedge Fund ทำการซื้อมากกว่าขาย หรือพูดในอีกแง่คือมีการเปิด Long Position มากกว่า Short Position นั่นเอง 
  • Dedicated short: Hedge Fund จะเน้นที่การขายมากกว่า 
  • Market neutral: การเปิดทั้ง Long Position และ Short Position นั้นมีปริมาณใกล้เคียงกัน 
  • ข้อดี: เหมาะสำหรับทุกสถานการณ์ของตลาด 
  • ข้อเสีย: อาจจะมีความยากในการคัดเลือกหุ้น (ตัวเลือกของหลักทรัพย์) 

กลยุทธ์ Relative Value Arbitrage

Hedge Fund กลยุทธ์นี้เป็นการสร้างผลประโยชน์จากความแตกต่างของราคาสินทรัพย์สองชนิดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เทคนิคการเก็งกำไรนี้หมายถึงการซื้อและการขายสินทรัพย์สองชนิดใดๆ พร้อมกัน โดยที่ไม่ได้ดูมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ 

เทรดเดอร์จะขายสินทรัพย์ออกไปเมื่อมูลค่าสูงขึ้น และเข้าซื้อในช่วงราคาต่ำ เมื่อราคากลับสู่สภาวะปกติก็จะยกเลิกโพสิชั่นเหล่านี้ การเก็งราคาสามารถใช้ได้ทั้งกับหุ้นสองชนิด สินค้าโภคภัณฑ์สองชนิด หรือพันธบัตรสองชนิด เป็นต้น 

  • ข้อดี: ช่วยในการลดความเสี่ยง (จากการซื้อและขายพร้อมกัน) 
  • ข้อเสีย: ผลตอบแทนจำกัดค่อนข้างมาก 

กลยุทธ์ Vulture Fund 

กลยุทธ์ประเภทนี้จะเกี่ยวข้องกับการลงทุนในบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงสภาวะตกต่ำ จุดประสงค์คือทำกำไรเมื่อบริษัทที่ลงทุนกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างหนี้ และเริ่มฟื้นคืนศักยภาพทางการเงิน 

  • ข้อดี: มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูง  
  • ข้อเสีย: ความเสี่ยงสูงเนื่องจากลงทุนกับบริษัทที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก 

กลยุทธ์ Quantitative Trading 

ปัจจุบัน Hedge Fund ที่ใช้กลยุทธ์เชิงปริมาณกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในตลาด และ Hedge Fund ที่ใช้กลยุทธ์แบบดั้งเดิมต่างเริ่มปรับตัวใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณในการลงทุน การวิเคราะห์เชิงปริมาณนั้นรวมการพัฒนาอัลกอริทึม ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเทรดแบบอัตโนมัติในตลาด 

การเทรดเชิงปริมาณ (Quant trading) นั้นมีกระบวนการทำงานเป็นระบบ ปราศจากการใช้ดุลยพินิจ หุ่นยนต์เทรดจะรับผิดชอบการตัดสินใจในการลงทุนแทนผู้จัดการ ในขณะที่ผู้จัดการจะทำหน้าที่ตรวจสอบพัฒนาการของการดำเนินการต่างๆ 

  • ข้อดี: สามารถละเลยเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์มหภาคและจุลภาค  
  • ข้อเสีย: ผลตอบแทนมีจำกัด  

Hedge Fund และกองทุนรวม 

แนวคิดของ Hedge Fund และกองทุนรวมอาจจะสร้างความสับสนได้ ความแตกต่างหลักคือ Hedge Fund จะใช้เลเวอเรจและตราสารอนุพันธ์ในการลงทุน ในขณะที่กองทุนรวมจะจำกัดกลยุทธ์การลงทุนเน้นที่รูปแบบดั้งเดิมมากกว่า 

Hedge Fund และกองทุนรวมแตกต่างกันอย่างไร? 

กองทุนรวม

กองทุนรวมนั้นคล้ายกับบริษัทต่างๆ มีการรวบรวมหลักทรัพย์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง เมื่อนักลงทุนทำการลงทุนในกองทุนรวม พวกเขาจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นของกองทุนนั้น ดังนั้นคุณจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนด้วย 

สิ่งที่กองทุนรวมแตกต่างจาก Hedge Fund คือ กองทุนรวมจะจำกัดเฉพาะกลยุทธ์การลงทุนแบบดั้งเดิม และใช้กลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า เน้นลงทุนในหุ้นและพันธบัตร ไม่มีการขายระยะสั้น, เทรดที่ความถี่สูง, เทรดฟอเร็กซ์หรือใช้ตราสารอนุพันธ์ 

นี่คือประเภทต่างๆ ของกองทุนรวม ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งด้านความเสี่ยงและผลตอบแทน 

  • กองทุนดัชนี (Index funds)
  • กองทุนรวมจัดหางาน (Worker placement funds) 
  • กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed income)
  • กองทุนรวมผสม (Balanced funds)
  • กองทุนรวมลงทุนในบริษัทที่ดีเหนือค่าเฉลี่ย (Growth fund) / กองทุนรวมตราสารทุน (Equity fund) 
  • กองทุนรวมตลาดเงิน (Money market fund)
  • หุ้นนอกตลาด (Private equity)

Hedge Fund

Hedge Fund นั้นก็คือการรวมทุนของนักลงทุนเช่นกัน แต่ไม่ใช่สำหรับขายในรูปแบบหลักทรัพย์ อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงได้น้อยกว่า เนื่องจากจำเป็นต้องมีการระดมทุนเงินทุนถึงหลายหมื่นดอลลาร์ 

Hedge Fund จะไม่อยู่ภายใต้กฎการคุ้มครองนักลงทุนที่กำหนดโดยหน่วยงานในตลาดสำหรับกองทุนรวม กลยุทธ์การลงทุนที่ใช้มักจะมีความกล้าได้กล้าเสียมากกว่า และต้องการดำเนินการชนะตลาด นอกจากนี้ยังใช้เลเวอเรจและตราสารอนุพันธ์ในการลงทุนด้วย 

Hedge Fund นั้นยังเป็นอีกแนวทางที่จะกระจายความเสี่ยงจากกองทุนรวมด้วย ยกตัวอย่าง หากคุณลงทุนแค่สินทรัพย์ของกองทุนรวม คุณจะถือเพียง Long position ในตลาด นั่นหมายถึงมีผลดำเนินการที่ต่ำเมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาลง ในทางตรงกันข้ามหากคุณลงทุนใน Hedge Fund ด้วย คุณจะสามารถลดความเสี่ยงในช่วงขาลงได้ เนื่องจากผู้จัดการกองทุนจะใช้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงแบบเชิงรุก

ความเสี่ยงจากการลงทุนใน Hedge Fund

การลงทุนใน Hedge Fund นั้นมีความเสี่ยงสูงมาก สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่าเมื่อไรที่กองทุน Hedge Fund ทำกำไรได้ เนื่องจากกองทุนจะแบ่งปันกำไรจากเงินทุนกับนักลงทุน ในทางกลับกันหาก Hedge Fund สูญเสียเงิน จะมีเฉพาะนักลงทุนที่สูญเสีย เว้นแต่ผู้จัดการจะลงทุนเงินทุนของตนเองในกองทุนด้วย ความเสี่ยงในการสูญเสียจึงมักอยู่ที่ฝ่ายนักลงทุน

การใช้เลเวอเรจและตราสารอนุพันธ์นั้นยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น แต่ Hedge Fund จะใช้วิธีหลังสำหรับกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงที่มึความซับซ้อน

Hedge Fund มักไม่เปิดเผยกลยุทธ์การลงทุน เพราะกลัวว่าจะสูญเสียความได้เปรียบทางสถิติในตลาด (ขอบเขตการเทรด) อย่างไรก็ตาม Hedge Fund สามารถแจ้งให้นักลงทุนทราบถึงแนวทางหลักและผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาใช้ 

ข้อดีและข้อเสียของ Hedge Fund

ข้อดี 

  • มีความยืดหยุ่นมากกว่ากองทุนทั่วไป
  • การควบคุมจากสถาบันที่กำกับดูแลมีความเข้มงวดน้อยกว่า
  • ให้ผลตอบแทนลูกค้าสูงถึง 25% ต่อปี
  • กระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ข้อเสีย  

  • ขาดความโปร่งใส 
  • ขาดสภาพคล่อง นักลงทุนต้องลงทุนในระยะยาว
  • มีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิม (หุ้น, อสังหาริมทรัพย์, กองทุนรวม, ฯลฯ)
  • มีชื่อเสียงที่ไม่ดี 

Hedge Fund นั้นถูกควบคุมน้อยกว่าและมีความโปร่งใสน้อยกว่ากองทุนแบบเดิมด้วย นอกจากนี้ผู้จัดการมักกำหนดช่วงเวลาซึ่งคุณไม่สามารถถอนเงินลงทุนของคุณได้

ลูกค้าจะต้องรอหนึ่งถึงสามปีก่อนที่พวกเขาจะได้ทุนคืนทั้งหมด ในช่วงเวลานี้หาก Hedge Fund ที่คุณลงทุนไว้ไม่มีกำไร ความเสี่ยงก็อาจจะทำให้คุณหมดความอดทน 

สิ่งสำคัญที่ต้องชี้ให้เห็นคือ Hedge Fund ก็มีข่าวในแง่ร้ายเช่นกัน เนื่องจากมักจะทำกำไรจากวิกฤตการณ์และความผิดพลาดแบบฉับพลัน ซึ่งในขณะที่ Hedge Fund บางแห่งสร้างประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านี้ แต่กองทุนอื่นๆ กลับขาดทุน นอกจากนี้ Hedge Fund ยังมีส่วนร่วมในสภาพคล่องของตลาด เพื่อให้นักลงทุนสามารถหาคู่สัญญาได้ง่ายขึ้น 

ความปลอดภัยของ Hedge Fund 

แม้ว่า Hedge Fund ต้องลงทะเบียนกับหน่วยงานด้านตลาดการเงิน แต่วิธีการจัดการกองทุนไม่ได้ถูกควบคุมทั้งหมดเมื่อเทียบกับกองทุนแบบดั้งเดิม

ในสหรัฐอเมริกา

ในสหรัฐอเมริกา Hedge Fund จะได้รับการควบคุมในรัฐที่จัดตั้งขึ้น หากผู้จัดการมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการน้อยกว่า 25 ล้าน สถาบันก็ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนกับ SEC (Securities and Exchange Commission) นั่นก็คือคณะกรรมาธิการควบคุมการซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ 

ในสหราชอาณาจักร

สหราชอาณาจักรเป็นตลาด Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดย Hedge Fund ที่จัดตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักรต้องลงทะเบียนกับ FCA (Financial Conduct Authority) เป็นหน่วยงานกำกับนโยบายทางด้านการเงินซึ่งอยู่ในสหราชอาณาจักร ผู้จัดการกองทุน Hedge Fund ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่กำหนดโดย MiFID II ในสหราชอาณาจักร ซึ่งกฎเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การลงทุนและการตลาดต่าง ๆ 

ในฝรั่งเศส

ในฝรั่งเศส Hedge Fund หรือกองทุนทางเลือกต่าง ๆ จะอยู่ภายใต้อำนาจของ AMF หน่วยงานกำกับดูแลตลาดหุ้นของฝรั่งเศส หรือพูดให้ถูกต้องยิ่งขึ้นคือ กองทุนทางเลือกจะถูกควบคุมโดย AMF จากคำสั่งของรัฐสภาสหภาพยุโรป 2011/61 กองทุนทั้งหมดที่จัดตั้งขึ้นในสหภาพยุโรปจะได้รับประโยชน์จากหนังสือเดินทางยุโรป ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างข้อเสนอในตลาดได้ทั่วทั้งเขตเศรษฐกิจ

ในละตินอเมริกา

ในละตินอเมริกา Hedge Fund จะอยู่ภายใต้ข้อบังคับของหน่วยงานที่มีอำนาจในตลาด สำหรับหน่วยงานที่ควบคุม 4 อันดับแรกในภูมิภาคมีดังต่อไปนี้ 

ประเทศ หน่วยที่มีอำนาจกำกับดูแล
บราซิลBrazilian Securities and Exchange Commission
เม็กซิโกMinistry of Finance and Public Credit and CNBV
อาร์เจนตินาComisión Nacional de Valores (CNV)
โคลอมเบียSuperintendencia Financiera de Colombia

ในเอเชียแปซิฟิก

ประเทศ หน่วยที่มีอำนาจกำกับดูแล
ญี่ปุ่นFinancial Instruments and Exchange Act (FIEA)
ออสเตรเลียAustralian Securities and Investments Commission (ASIC)
จีนChina Securities Regulatory Commission (CSRC)
ฮ่องกงSecurities and Futures Commission (SFC)

5 กองทุน Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและกลยุทธ์ที่ใช้ 

สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าตลาด Hedge Fund อย่างไม่ต้องสงสัย และมี Hedge Fund กองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Hedge fund ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร(พันล้านดอลลาร์) กลยุทธ์หลัก 
Citadel Investment Group218Multi-strategy / commodities
Berkshire Hathaway208Long Equity
Renaissance Technologies113.6Arbitrage
AQR Capital Management89.6Multi-strategy
DE Shaw80Quantitative trading

การอภิปรายและข้อโต้แย้ง

แม้ว่า Hedge Fund จะเป็นผู้เล่นหลักในตลาดการเงิน แต่ก็มีชื่อเสียงในทางไม่ดีนัก เพราะมักจะถูกกล่าวหาว่าแสวงหาผลกำไรจากการล่มสลายของสังคมและวิกฤตการณ์ทางการเงิน

ความเสี่ยงต่อระบบ

ในอดีตได้แสดงให้เห็นว่า Hedge Fund นั้นเป็นผู้เล่นหลักในด้านการเงินและเศรษฐกิจ หลังจากการล่มสลายของ Long Term Capital Management (LTCM) ในปี 1998 ทำให้โลกได้ตระหนักว่า Hedge Fund มีความเสี่ยงต่อระบบ LTCM เป็นกองทุน Hedge Fund ที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา แต่กลับมีหนี้สินสูงถึง 25 เท่าของขนาดทุน (เลเวอเรจ 1:25) 

ความเสี่ยงของระบบอธิบายถึงความเป็นไปได้ของความล้มเหลวซึ่งสัมพันธ์กันระหว่างสถาบันการเงิน ซึ่งโดยทั่วไปจะมาจากบางสถาบันหรือบางภาคส่วน นั่นคือธนาคารหรือ Hedge Fund การล่มสลายของ LTCM ทำให้เกิดวิกฤตสภาพคล่องในสหรัฐอเมริกา

ความเสี่ยงต่อระบบของ Hedge Fund ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากธนาคารขนาดใหญ่มีสาขาในการซื้อขายหลักทรัพย์ แล้วมักจะดำเนินการเหมือนกับ Hedge Fund นอกจากนี้การซื้อขายตราสารอนุพันธ์บางประเภทยังดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการลงทุน กล่าวได้ว่า Hedge Fund ทำให้ธนาคารมีความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการซื้อขายต่าง ๆ การล้มละลายของ Hedge Fund ขนาดใหญ่สามารถทำให้ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโดยรวมเสียหายได้ 

ชื่อเสียงในทางไม่ดี 

Hedge Fund มักจะถูกเพ่งเล็งเมื่อมีการเก็งกำไรในตลาดที่มากเกินไปตั้งแต่การล่มสลายของ LTCM ในปี 1998 นอกจากนี้กองทุนส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ 

CEM Benchmarking ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนในโตรอนโตเปรียบเทียบความสามารถในการทำกำไรของ Hedge Fund ขนาดใหญ่ 382 กองทุนกับดัชนีหุ้นและตราสารหนี้ ต่อมา CEM พบว่า Hedge Fund ส่วนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะตลาดในแต่ละปีได้ ระหว่างปี 2000 ถึง 2016 หรือกล่าวได้ว่ากองทุนแบบดั้งเดิมนั้นสามารถทำผลงานได้ดีกว่า Hedge Fund 

การขาดความโปร่งใส

คุณอาจเข้าใจแล้วว่า Hedge Fund นั้นไม่ใช่สถาบันการเงินที่โปร่งใสที่สุด นักลงทุนจะไม่รู้ว่าผู้จัดการกำลังลงทุนในสินทรัพย์อะไร เนื่องจากพวกเขามักเลือกสินทรัพย์ที่ซับซ้อน ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่แนะนำให้คุณปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนใน Hedge Fund 

สรุป

Hedge Fund เป็นทั้งเครื่องมือการลงทุนที่ซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกัน กองทุนจะรับความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อเอาชนะตลาด ซึ่งส่งผลให้ Hedge Fund มีการใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีการใช้ตราสารอนุพันธ์และเลเวอเรจอีกด้วย 

จากการศึกษาพบว่า “การเอาชนะตลาด” นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แม้จะมีทรัพยากรจำนวนมากที่ลงทุนโดย Hedge Fund ก็ตาม อย่างไรก็ตาม Hedge Fund ยังคงเป็นการลงทุนที่น่าสนใจมากสำหรับนักลงทุนที่ต้องการการเติบโตอย่างแท้จริง สุดท้ายแล้วมันจะช่วยให้คุณสามารถกระจายความเสี่ยงได้ดีเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบเดิม

คำถามที่พบบ่อย

การลงทุนใน Hedge Fund ขั้นต่ำคือเท่าไร?

สำหรับกองทุนทางเลือกที่ยอมรับการลงทุนที่ค่อนข้างต่ำจะเริ่มต้นที่ $30,000 (~฿1,000,000)

Hedge Fund มีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมหรือไม่?

ใช่

Trading.in.th
Logo
Enable registration in settings - general