Day trade เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดหุ้นในระยะเวลาสั้นๆ และโดยปกติจะไม่ยาวนานเกินหนึ่งช่วงการซื้อขาย เทรดเดอร์อาจจะมีการเทรดบ่อยและเทรดในปริมาณมากในแต่ละวันซึ่งเรียกว่าการค้ากำไร อย่างไรก็ตามเทรดเดอร์บางคนอาจจะทำการซื้อขายเพียงไม่กี่ครั้งต่อวันก็ได้
ตลาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการซื้อขายระหว่างวัน ได้แก่ หุ้น ฟอเร็กซ์และฟิวเจอร์ส เป็นการเทรดที่มีความเสี่ยงมากแต่สามารถทำกำไรได้มากเช่นกัน และมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำกำไรได้แบบยั่งยืน
คุณจะได้เรียนรู้คำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายแบบรายวันเพื่อให้คุณสามารถเตรียมพร้อมได้ดีขึ้น
Day trade คืออะไรและทำงานอย่างไร
การซื้อขายรายวันเป็นแนวทางการเทรดระยะสั้นในตลาดหุ้น
การเทรดแบบรายวันเป็นรูปแบบหนึ่งของการซื้อขายในตลาดหุ้น โดยเกี่ยวข้องกับการซื้อและขายตราสารและการถือคำสั่งซื้อขายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยคำสั่งเทรดจะเริ่มเปิดในระหว่างวันจะปิดก่อนตลาดปิด เป้าหมายคือการทำกำไรจำนวนเล็กน้อยในแต่ละการเทรดและสะสมผลกำไรไปเรื่อยๆ
แต่ก่อนการเทรดแบบนี้จะต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งขันกันมากขึ้นและโบรกเกอร์ทุกรายต้องการเสนอค่าธรรมเนียมที่ดีที่สุดและมีเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำมาก และด้วยความที่โบรกเกอร์ออนไลน์นั้นมีมากขึ้นและพวกเขายังมีบริการการซื้อหุ้นฟรีจึงทำให้ตลาดนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น
การเทรดรายวันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ขนาดเทรดเดอร์มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญก็ยังพลาดได้ จากการศึกษาในปี 2010 study โดยศาสตราจารย์ Brad Barber และ Yi-Tsung Lee จาก University of California ชี้ให้เห็นว่ามีเพียง 1% ของเทรดเดอร์รายวันเท่านั้นที่ทำเงินได้เป็นประจำ และจากการศึกษานี้ได้ดูธุรกรรมการเทรของเทรดเดอร์ในช่วง 14 ปีตั้งแต่ปี 1992 ถึง 2006
เทรดเดอร์รายวันที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เป็นเทรดเดอร์ที่เทรดอยู่ตลอดเวลา และพวกเขามีข้อได้เปรียบตรงที่สามารถจับตาดูตลาดได้ตลอดทั้งวัน ในขณะที่เทรดเดอร์รายย่อยอาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นในการเทรด
การเทรดรายวันค่อนข้างจะมีความเสี่ยงเนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่เราจะได้เห็น หากคุณคิดคุณไม่อาจจะทนต่อความเสี่ยงจากความผันผวนในระยะสั้นได้ คุณก็สามารถเปลี่ยนไปเทรดแบบสวิงหรือเทรดแบบระยะกลางถึงระยะยาวก็ได้ อย่างไรก็ตามหากคุณต้องทดลองเทรดแบบรายวัน คุณจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการซื้อขายนี้ให้มากที่สุดก่อนที่จะเริ่ม
Day trade ทำงานอย่างไร
เทรดเดอร์รายวันเป็นการใช้ประโยชน์จากความผันผวนขึ้นและลงของตลาด พวกเขาจึงสามารถขายหุ้นชอร์ตได้หากพวกเขาคิดว่าราคาของมันจะลดลงในระยะสั้นหรือซื้อตราสารหากพวกเขาคิดว่าราคาจะสูงขึ้น โดยพวกเขาสามารถทำซ้ำๆ ได้หลายครั้งในหนึ่งวัน
ตัวอย่างการซื้อขายแบบ Day trade
ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจมักจะถูกเผยแพร่ในช่วงชั่วโมงแรกของการซื้อขาย ตัวอย่างเช่นเทรดเดอร์รายวันสามารถติดตามการประกาศดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจของยุโรป เช่น German manufacturing PMI
ในวันที่มีการประกาศดัชนี PMI เทรดเดอร์จะเลือกซื้อขาย EUR/USD ในช่วงชั่วโมงแรกหลังจากที่ตลาดแฟรงค์เฟิร์ตเปิดทำการเวลา 8.00 น. KST โดยพวกเขาจะซื้อหรือขายคู่สกุลเงินตามสถานการณ์ต่อไปนี้:
- หากตัวเลขแย่กว่าที่คาด พวกเขาจะขายคู่สกุลเงินโดยคาดว่าจะมีการลดลงของ EUR/USD ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศ
- หากตัวเลขดีกว่าที่คาดไว้ พวกเขาก็จะซื้อ EUR/USD เพราะคาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่มขึ้น
เมื่อมีการประกาศตัวเลขโดย IHS Markit และตัวเลขดังกล่าวแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้จะทำให้ EUR/USD ร่วงลง แล้วเทรดเดอร์รายวันก็จะใช้โอกาสนี้ในการช็อตคู่สกุลเงินอย่างรวดเร็วดังที่แสดงในภาพด้านล่าง
ข้อดีและข้อเสียของ Day trade
ข้อดีของการซื้อขายรายวันมีมากกว่าข้อเสีย เหตุผลหลักๆ ประการหนึ่งในการซื้อขายระหว่างวันคือการลดความเสี่ยงจากตลาดโดยเฉพาะความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นนอกเวลาที่คุณไม่ได้เทรด
👍ข้อดี
- สามารถทำได้เองอย่างอิสระ
เทรดเดอร์แบบรายวันสามารถทำงานที่บ้านได้โดยไม่มีข้อ จำกัดเกี่ยวกับการทำงานในบริษัท พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อการทำงานของพวกเขา คุณจะสามารถกำหนดชั่วโมงที่คุณจะหาโอกาสและชั่วโมงที่คุณจะพักผ่อนได้ ซึ่งคุณจะต้องมีวินัยเป็นอย่างมาก
- ไม่มีความเสี่ยงเมื่อตลาดปิด
ข้อดีอย่างหนึ่งของการเทรดระหว่างวันคือการปิดการซื้อขายในตอนท้ายของวัน ดังนั้นคุณก็จะไม่ได้รับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้นอกเวลาทำการซื้อขาย
ในตลาดตราสารทุนนี้ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ในชั่วข้ามคืนเนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น การประกาศบางอย่างและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ด้วยปัจจัยนี้จึงทำให้สวิงเทรดเดอร์หรือเทรดเดอร์รายวันสูญเสียกำไรที่สะสมมาหลายเดือนแบบข้ามคืนได้
ความเสี่ยงนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับการซื้อขายแบบรายวัน เทรดเดอร์รายวันสามารถควบคุมอารมณ์ได้ในตอนท้ายของวันเพราะพวกเขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าตลาดจะเป็นอย่างไรต่อไป
👎ข้อเสีย
- การเทรดมากเกินไป
ปัญหาหลักอย่างหนึ่งสำหรับผู้เริ่มต้นคือการซื้อขายมากเกินไป การเทรดจำนวนมากจะทำให้ต้นทุนการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งนี้อาจจะทำให้คุณขาดทุนหรือลดกำไรของคุณลงได้
- ใช้เวลานาน
การเทรดเป็นกิจกรรมที่อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงในระหว่างวัน หากคุณมีงานประจำอยู่ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมช่วงการซื้อขายไว้ได้
ปัจจัยที่ควรจะพิจารณาสำหรับ Day trade
การเทรดรายวันเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมสูงซึ่งต้องใช้ทั้งการเงินและการลงทุนส่วนบุคคล
การฝึกฝน
เราได้กล่าวถึงความสำคัญของการฝึกฝนสำหรับการเป็นมืออาชีพในการเทรดแบบรายวันไปแล้ว นอกเหนือจากหลักสูตรการฝึกสอนทางออนไลน์มากมายแล้ว คุณยังสามารถเปิดบัญชีทดลองกับโบรกเกอร์และดูวิธีการเทรดแบบรายวันได้ด้วย
เงินทุน
ในสหรัฐอเมริกาต้องซื้อขายหุ้นอย่างน้อยจำนวน $25,000(~฿750,000) ต่อวัน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเริ่มต้นซื้อขายด้วยเงินน้อยกว่า $500(~฿15,000) ในตลาดฟอเร็กซ์ และการซื้อขาย CFD สำหรับหุ้นในแต่ละวันสามารถทำได้โดยการฝากเงินน้อยกว่า $500(~฿15,000)
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตคือการที่เงินทุนของคุณยิ่งมีขนาดใหญ่ ความเสี่ยงที่คุณจะได้รับก็จะน้อยลง
การมีวินัย
ไม่ว่าคุณจะต้องการเทรดเพื่อหาเลี้ยงชีพหรือเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา คุณก็จะต้องมีวินัยอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ ความสำเร็จในการเทรดรายวันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคเท่านั้น เพราะถ้าหากเป็นไปตามนั้นก็คงจะมีเทรดเดอร์รายวันจำนวนมากที่ทำกำไรได้ ทางเราก็ทราบดีว่ามีเทรดเดอร์เพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่จะสามารถหาเงินได้อย่างยั่งยืน การมีวินัยจึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนักเทรดรายวัน
เป้าหมายในการเทรดของคุณไม่ควรทำเพื่อหาเงิน แต่ต้องขยันเทรดซื้อขายและทำตามแผนที่คุณวางไว้ การอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานอาจจะก่อให้เกิดความเหนื่อยล้าหรือความเครียดได้ และมันจะทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาดได้
คำนิยามของการเทรด
การวางแผนเป็นขั้นตอนที่เป็นตัวกำหนดกิจกรรมการซื้อขายทั้งหมดของคุณ คุณจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการซึ่งรวมถึงตราสารที่คุณจะซื้อขาย, เวลา, ความเสี่ยงและเป้าหมายของคุณเอง คุณควรจะเขียนแผนการซื้อขายออกมาให้เห็นได้ชัดเจน ไม่ใช่การคิดนึกในใจเท่านั้น
การเทรดในอีกมุมหนึ่งก็เหมือนการกรรโชกทรัพย์ แต่หากคุณมีแผนการเทรดที่ดีและดำเนินการทีละขั้นตอนโดยเริ่มตั้งแต่การระบุเครื่องมือที่จะใช้ในการวิเคราะห์การเทรด และรวมถึงการพัฒนากลยุทธ์และการจัดการการเทรดด้วย
การวางแผนการเทรดยังรวมถึงการบริหารความเสี่ยง ลองคิดดูว่าคุณมีความเสี่ยงกี่เปอร์เซ็นต์จากเงินทุนที่คุณมี คุณจะหยุดการซื้อขายเมื่อใด คำตอบทั้งหมดสำหรับคำถามเหล่านี้ควรอยู่ในแผนการเทรดของคุณด้วย และยิ่งครอบคลุมมากเท่าไหร่คุณก็จะจัดระเบียบได้ดีขึ้นและคุณจะรักษาวินัยได้มากขึ้นตลอดทั้งวันของการเทรดของคุณ
การมีแผนการเทรดเป็นสิ่งที่ดี แต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณพร้อมที่จะปฏิบัติตามแผนโดยปราศจากอิทธิพลจากภายนอกและไม่มีความลังเลใจใดๆ ทั้งสิ้น ในการวิเคราะห์การเทรดนี้ คุณจะต้องใช้แผนการเทรดเพื่อดูว่าแผนการเหล่านี้ของคุณสมเหตุสมผลเพียงพอหรือไม่ และควรจะสังเกตการเปลี่ยนแปลงและจดบันทึกลงในสมุดบันทึกการเทรดของคุณด้วย
ทำบันทึกการเทรด
เป็นเอกสารที่แสดงรายการกิจกรรมการซื้อขายในแต่ละวันของคุณ คุณจะต้องเขียนข้อสังเกตและความคิดเห็นลงในสมุด แล้วคุณถึงจะสามารถประเมินตนเองตามบันทึกที่คุณจดบันทึกได้ เช่น ข้อผิดพลาด, ข้อยกเว้น, การไม่ปฏิบัติตามแผนการเทรด ฯลฯ
สมุดบันทึกการเทรดนี้ยังช่วยให้คุณสามารถเห็นข้อสรุปเมื่อคุณเกิดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการซื้อขายของคุณหลังจากที่เกิดการขาดทุนไป
แน่นอนว่าสมุดบันทึกนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อคุณต้องทนกับการเทรดที่ขาดทุนอยู่เรื่อยๆ ผลลัพธ์ส่วนใหญ่ออกมาจะช่วยบอกคุณว่าเหตุใดคุณจึงเทรดไม่ได้กำไรสักที
กลยุทธ์
บางคนอาจจะเกิดความสับสนระหว่างแผนการและกลยุทธ์ กลยุทธ์ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการซื้อขาย ซึ่งเป็นไปตามกฎที่กำหนดไว้ในกลยุทธ์ของคุณที่คุณจะสามารถใช้ระบุสัญญาณการซื้อขายได้ มีรูปแบบการเทรดรายวันอยู่หลายรูปแบบ โดยเทรดเดอร์รายวันส่วนใหญ่จะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค ส่วนคนอื่นๆ จะใช้การฟังและดูข่าวและเหตุการณ์ระหว่างวันเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ
ความเสี่ยง
คำว่าการบริหารความเสี่ยงนี้ ในความเห็นของเรามันคือคำจำกัดความของขนาดการเปิดซื้อขายสินทรัพย์ต่างๆ และยังหมายถึงการตัดขาดทุนและทำกำไรของคุณด้วย จากคำที่ว่าขนาดการเปิดซื้อขายนี้ เทรดเดอร์รายวันส่วนใหญ่จะมีเสี่ยงน้อยกว่า 1% ของเงินทุนของพวกเขาในการเทรด
คำถามเรื่องของการจัดสรรเงินทุนที่ควรจะถาม:
- คุณจะใช้กลยุทธ์เพียงกลยุทธ์เดียวในการเทรดหรือไม่
- กลยุทธ์ของคุณเป็นระบบหรือไม่
- คุณต้องการที่จะมอบหมายให้ผู้อื่นเข้ามาการจัดเงินทุนของคุณหรือไม่
การบริหารความเสี่ยงนั้นมีความเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ การบริหารความเสี่ยงที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินทุนส่วนใหญ่ไว้ได้ถึงแม้จะเกิดการขาดทุนมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
ตลาดสำหรับ Day trade
ตลาดต่างๆ สำหรับการเทรดรายวัน
Forex
Forex เป็นตลาดที่เหมาะสำหรับการซื้อขายระหว่างวันเนื่องจากไม่มีการปิดทำการในช่วงสุดสัปดาห์ และเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดทั้งกลางวันและกลางคืนตามความพร้อมของพวกเขาเลย
Forex เป็นตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายต่อวันประมาณ $ 6.6 trillion จึงเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง และมีคู่สกุลเงินหลักที่เหมาะสำหรับการซื้อขายระหว่างวัน โดยทั่วไปแล้วคุณสามารถดำเนินการเปิดคำสั่งเทรดตราสารเหล่านี้ได้ในทันทีด้วย
ในตลาด Forex นี้ยังมีความหลากหลายของคู่สกุลเงินต่างๆ อยู่มากมาย มีคู่สกุลเงินที่ค่อนข้างมีสภาพคล่องประมาณยี่สิบคู่ซึ่งคุณสามารถเลือกเทรดได้ตามที่คุณต้องการ เทรดเดอร์มือใหม่ส่วนมากก็ยังสามารถเข้ามาเทรดในตลาดนี้ได้ด้วย
ดัชนี
ดัชนีถือเป็นตะกร้าที่รวมสินทรัพย์ไว้มากมาย สำหรับหุ้นนั้นสามารถถือเป็นตัวแทนของกลุ่มหรือบริษัทที่เลือก ดัชนีมีลักษณะเฉพาะที่มีความผันผวนน้อยและสามารถคาดเดาได้ง่าย ดังนั้นตลาดนี้จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเทรดในตลาดที่มีความผันผวนน้อย
สิ่งสำคัญที่คุณควรทราบคือดัชนีก็อาจจะมีความผันผวนได้ในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะส่งผลกระทบต่อตลาด
ดัชนีอาจเป็นเครื่องมือทางการเงินที่เข้าใจได้ยากสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด มูลค่าของดัชนีจะแตกต่างกันไปตามความผันผวนของราคาของตราสารต่างๆ ที่รวมอยู่ด้วยกันในดัชนีซึ่งนี้จึงทำให้ดัชนีมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ดัชนียังช่วยให้คุณสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ด้วย เพราะในการซื้อขายดัชนีนี้ คุณไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่หุ้นใดหุ้นหนึ่ง แต่คุณกำลังกระจายการลงทุนไปยังหุ้นที่เลือกไว้
หุ้น
การซื้อขายหุ้นแบบรายวันเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการการขับเคลื่อนที่รวดเร็ว ตราสารเหล่านี้ค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีสภาพคล่องที่มากพอ และหุ้นอาจมีความผันผวนเป็นพิเศษในช่วงชั่วโมงแรกของการซื้อขาย นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับเทรดเดอร์รายวันและนักค้ากำไร
Futures
ตลาด Futures เหมาะสำหรับการซื้อขายระหว่างวันเนื่องจากใช้ต้นทุนที่ต่ำ ตลาด Futures ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะมีสภาพคล่องมาก และมีเทรดเดอร์มืออาชีพจำนวนมากที่มีเชี่ยวชาญในตลาดซื้อขายล่วงหน้านี้ด้วย
E-mini S&P 500 เป็นหนึ่งใน Futures ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับเทรดเดอร์รายวัน สัญญาทั้งหมดสามารถทำได้ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์และการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายดัชนี Futures อื่นๆ อีก เช่น E-mini Nasdaq, Russel และ Dow และยังมีตลาดอื่นๆ อีกหลายแห่งเช่น Futures ในสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ปริมาณและความผันผวนที่สูงพอที่จะทำให้คุณทำกำไรได้ระหว่างวัน
Cryptocurrencies
การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลแบบรายวันนี้กำลังเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ด้วยการที่มีความผันผวนที่สูงและปริมาณการแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจึงดึงดูดเทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรอย่างรวดเร็ว
เทรดเดอร์รายวันในตลาดนี้ไม่ได้สนใจในการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดนี้เพื่อสร้างกำไร ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีที่จะเทรด CFD ของสกุลเงินดิจิทัลที่ทำขึ้นโดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่
ตลาด Cryptocurrencies นี้มีความผันผวนมากดังนั้นจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น ราคาของ Bitcoin สามารถเพิ่มและลดเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที
ดังนั้นเทรดเดอร์รายวันในตลาดนี้จึงต้องหาข่าวที่สามารถกระทบต่อตลาดนี้ได้
มีเครื่องมืออะไรในการเทรดรายวันบ้าง
เครื่องมือสำหรับการซื้อขายระหว่างวันส่วนใหญ่จัดทำขึ้นโดยโบรกเกอร์ออนไลน์ บางโบรกเกอร์มีเครื่องมือที่มีฟังก์ชันที่มากกว่าเครื่องมืออื่นๆ ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานด้วย
โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดรายวัน 3 อันดับแรก
ตัวคัดกรอง
เครื่องมือคัดกรองตามอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคสามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมสำหรับเทรดเดอร์รายวัน พวกเขาสามารถคัดกรองตราสารที่มีการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปหรือมีความผันผวนมากเป็นต้นได้ และหากคุณต้องการซื้อขายตราสารหลายตัวพร้อมๆ กัน เครื่องมือนี้จะมีประโยชน์มากสำหรับคุณเลย
ทาง FXCM มีตัวคัดกรองที่อิงจากเครื่องมือชี้วัดทางเทคนิคที่ถูกเลือกออกมา เครื่องมือนี้ยังช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนช่วงเวลาได้ด้วย
แพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการเทรดแต่ละวันของคุณด้วย อาจต้องใช้แพลตฟอร์มการสร้างแผนภูมิขั้นสูงที่มีหลายโซลูชันที่พร้อมใช้งาน โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีบริการ Metatrader 4 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่พอใช้ได้ในสายตาของมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่า
และยังมีตัวเลือกอื่นๆ ที่คุณไม่สามารถใช้ได้แบบฟรีๆ ด้วย เช่น TradingView หรือ ProRealTime มันถือเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการลงทุนที่ดีกว่าสำหรับนักเทรดมืออาชีพ และ TradingView ยังทำงานเชื่อมโยงกับโบรกเกอร์ออนไลน์หลายๆ แห่งด้วย เช่น FXCM
สิ่งที่คุณควรจะต้องรู้ก่อนที่จะเริ่ม Day trade
สภาพคล่อง, ความผันผวนและเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อขายเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อให้คุณประสบความสำเร็จในการซื้อขายระหว่างวัน
สภาพคล่อง
สภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ซื้อขายรายวัน มันเป็นเรื่องของความสามารถในการที่เทรดเดอร์จะสามารถสั่งคำสั่งซื้อได้โดยไม่เกิดการล่าช้า เพราะถ้าเกิดความล่าช้ามันก็จะนำไปสู่การซื้อหรือขายในราคาที่แตกต่างจากที่คุณต้องการจริงๆ ไปมาก นอกจากนี้คุณจะพบว่าการส่งคำสั่งซื้อขายจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้สามารถทำได้ง่ายๆ เนื่องจากคุณไม่สามารถจับหาคู่เทรดในตราสารที่คุณต้องการเทรดได้ สภาพคล่องนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำกำไร
ความผันผวน
ความผันผวนเป็นตัวบ่งชี้ว่าตราสารมีความผันผวนเร็วเพียงใดเทรดเดอร์รายวันส่วนใหญ่ชอบตราสารที่มีความผันผวนเพราะมันทำให้พวกเขาสามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงระหว่างวันได้
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณและหากคุณต้องได้ประโยชน์จากตลาดจริงๆ เราคิดว่าตลาดที่มีความผันผวนต่ำน่าจะเหมาะสมกว่า
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเทรดรายวัน
หากคุณต้องการทำกำไรจากแนวโน้มของตลาดระหว่างวัน คุณก็ควรซื้อขายตราสารในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดขึ้นมา เช่นการซื้อขายวันในหุ้น Google เมื่อตลาดในสหรัฐอเมริกาเปิดทำการ
และในทางกลับกันนั้น กลยุทธ์การเทรดของคุณอาจเหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนต่ำ และถ้าเป็นกรณีนี้จริง คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงเวลาที่มีความผันผวนมากที่สุด
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของคุณเอง
การเทรดด้วยมาร์จิ้น
คุณอาจจะทำการเทรดในปริมาณมากโดยการกู้ยืมเงินจากโบรกเกอร์ก็ได้
เพื่อที่จะเพิ่มพูนผลกำไรให้มากขึ้น เทรดเดอร์หลายคนได้ใช้ใช้เลเวอเรจเข้ามาช่วยในการซื้อขาย การซื้อมาร์จิ้นหมายถึงการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเปิดคำสั่งเทรดด้วยเงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นผลกำไรและขาดทุนก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณด้วย เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ก็ได้ใช้ซื้อขายด้วยมาร์จิ้นในการเทรดด้วย และมันก็ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วย
มีการทำงานอย่างไร
หากคุณต้องการซื้อหุ้น $1,000 คุณสามารถลงเงินของตัวเองจำนวน $500 และยืมเงินที่เหลือ $500 จากโบรกเกอร์ของคุณหากคุณซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ $10 แล้วราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 20% เป็น $12 และขายในราคานั้นออกไป คุณก็จะมีเงิน $ 1200 และหลังจากที่คุณชำระคืนเงินกู้ $500 ให้กับโบรกเกอร์แล้ว คุณจะมีเงินเหลือ $700 ซึ่งเป็นผลการดำเนินงาน 40% เมื่อเทียบกับเงินเริ่มต้นที่ $500 และถ้าหากคุณไม่ได้กู้ยืมเงินแบบนี้ คุณก็จะได้รับผลตอบแทนเพียง 20% เท่านั้น
แต่หากราคาสินทรัพย์ลดลง 20% และคุณได้ขายขายออกไปในราคา $8 คุณก็จะมีเงินเหลือเพียง $800 และหลังจากจ่ายคืน $500 ให้กับโบรกเกอร์ คุณก็จะเหลือ $300 ซึ่งหมายความว่าคุณได้ขาดทุนไป 40% เมื่อเทียบกับการลงทุนครั้งแรก
ตัวอย่างนี้ยังไม่ได้กล่าวถึงต้นทุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเทรดด้วย
ตัวอย่างกลยุทธ์สำหรับ Day trade
มีวิธีการเทรดมากมาย โดยวิธีการที่เทรดเดอร์ส่วยมากใช้กันคือการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ข่าวสารสำหรับการเทรดรายวัน
เทรดเดอร์รายวันสามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาหลังจากการประกาศตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ที่กระทบต่อสภาพตลาดได้ จากภาพด้านล่างนี้เราจะเห็นได้ว่า EUR/USD เริ่มลดลงหลังจากการประกาศข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานในเยอรมนีซึ่งแย่กว่าการคาดการณ์ไว้ และคาดว่าราคาจะมีการเคลื่อนไหวลดลงอย่างรวดเร็ว แล้วเทรดเดอร์ก็จะได้ประโยชน์จากการขายคู่สกุลเงินนี้
การเทรดแบบการดูแพทเทิร์นของชาร์ท (Chart Pattern)
การพัฒนาของแพทเทิร์น เช่น สามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยมเกิดขึ้นโดยใช้กรอบเวลาที่เล็กลงเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบแพทเทิร์นสามารถเกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างรวดเร็ว ดังที่แสดงตามการเปลี่ยนแปลงของสามเหลี่ยมจากมากไปหาน้อยในแพทเทิร์นด้านล่างในระยะเวลา 5 นาที (M5 ) หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจะตามมาด้วยราคาที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
การเทรดแบบการเก็งกำไร (Scalping)
การเก็งกำไรคือการซื้อขายแบบรายวันซึ่งประกอบด้วยการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของสินทรัพย์
และนักค้ากำไรจะใช้เวลาเทรดน้อยกว่าเทรดเดอร์รายวัน เพราะเขาจะรีบปิดการเทรดเมื่อพวกเขาทำกำไรได้
จากตารางด้านล่างนี้ เราได้แสดงวิธีการทำกำไรโดยใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 ตัว (EMA 20 และ EMA 30) บนชาร์ทในเวลา 1 นาที (M1) แนวคิดนี้คือการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม โดยทำการเปิดคำสั่งเทรดทุกครั้งที่การเคลื่อนไหวของราคาตกลงภายในค่าเฉลี่ย 2 ตัวที่กำลังเคลื่อนที่อยู่
การเทรดแบบการดูโมเมนตัม (Momentum Day)
การซื้อขายแบบโมเมนตัมเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากทิศทางและความแข็งแกร่งของแนวโน้มในตลาด โดยเทรดเดอร์จะอาศัยรอให้แนวโน้มกลับมาในจุดที่เหมาะสมแล้วจึงเปิดคำสั่งซื้อขาย มีตัวอินดิเคเตอร์ต่างๆ มากมายที่สามารถช่วยกำหนดเวลาในการเปิดการซื้อขายได้อย่างแม่นยำ
จากภาพด้านล่างนี้เป็นแนวโน้มที่เป็นขาลง และจากการใช้เส้นแนวโน้มนี้ทำให้เทรดเดอร์แบบรายวันสามารถหาจังหวะในการเข้าขายสินทรัพย์เมื่อใดก็ตามที่ราคาถึงเส้นแนวโน้มที่ได้ถูกกำหนดไว้
การเทรดแบบดูทิศทางย้อนกลับ (Mean Reversion)
การเทรดแบบ Mean reversion ถือเป็นเรื่องที่ง่ายมาก คือเมื่อราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเป็นระยะเวลาสักพักหนึ่ง มันก็จะมีแนวโน้มกลับทิศทางกลับไปหาที่ราคาเดิมไม่มากก็ใกล้เคียง
จากภาพด้านล่างแสดงตัวอย่างของการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการกลับทิศทาง การเคลื่อนไหวของราคาของแถบ Bollinger บ่งชี้ว่ามีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจากนั้นราคาก็ค่อยๆ เสถียรมากขึ้นจนกลับไปสู่จุดที่มันเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นในครั้งแรก
ข้อแนะนำสำหรับการเทรด Forex รายวัน
สิ่งสำคัญคือการฝึกฝนตนเองและวางแผนช่วงเวลาในการเทรด
จำกัดเวลาในการเทรด
เทรดเดอร์แบบรายวันที่เป็นมืออาชีพส่วนใหญ่จะตั้งเวลาในการทำการซื้อขายรายวันเอาไว้ เป้าหมายเหล่านี้อาจวัดได้ในรูปแบบของจำนวน pip หรือจุดที่ได้กำไร ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะหยุดการซื้อขายประจำวันหลังจากที่ครบ 50 pip หรือคุณอาจจะตั้งเป้าโดยอิงจากการขาดทุนก็ได้ เช่น คุณจะหยุดทำการซื้อขายหลังจากที่เสียไป 100 pip
การตั้งเป้าหมายดังกล่าวนั้นมีข้อดีหลายประการ วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถจำกัดระยะเวลาในการเทรดของคุณได้และยังป้องกันไม่ให้คุณทำการเทรดมากจนเกินไป เช่น การเปิดคำสั่งเทรดมากเกินไปจนทำให้เกิดค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้น ดังนั้นการตั้งเป้าหมายนี้จะช่วยให้คุณจำกัดเวลาการซื้อขายในแต่ละวันได้
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
มีเทรดเดอร์กว่าหลายพันคนที่กำลังใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพที่ดีอยู่ คุณเองก็จะต้องติดตามให้ทันเทคโนโลยีต่างๆ อย่างต่อเนื่องและติดตามปฏิทินทางเศรษฐกิจด้วย โดยในแพลตฟอร์มจะมีฟังก์ชันที่ช่วยในการวิเคราะห์ตลาดอยู่จำนวนมาก
โปรแกรมการทดสอบย้อนกลับนั้นมีความซับซ้อนค่อนข้างมากและมันจะช่วยแสดงผลลัพธ์จากกลยุทธ์ที่คุณมีให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น หากคุณมีความตั้งใจในการลงทุนจริง ก็อย่าได้ลังเลใจที่จะลงทุนในเครื่องมือระดับพรีเมียมเพื่อใช้ในการพัฒนากลยุทธ์การเทรดของคุณ
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะไม่คิดว่าพวกเขานั้นรู้ทุกอย่างแล้ว พวกเขามักจะหาทางปรับปรุงประสิทธิภาพและทัศนคติของพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขาจะติดตามข่าวสารทางการตลาด, อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเทรดและทำการค้นคว้าอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะได้คาดการณ์ได้ว่าอะไรที่กำลังรออยู่ในอนาคต
กฎการเข้าและออก
ไม่มีวิธีการเทรดซื้อขายใดที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง แต่คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎที่ได้กำหนดไว้ในแผนการการเทรดของคุณ อย่าลองใช้เคล็ดลับการเทรดใหม่ๆ ในบัญชีซื้อขายจริงของคุณโดยไม่ได้ทดสอบในบัญชีทดลองก่อน
วางแผนการเทรดแบบรายชั่วโมง
หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์แบบมืออาชีพ คุณไม่ควรจะเทรดตามใจชอบ คุณต้องกำหนดตารางเวลาเอาไว้เลยว่าคุณจะเทรดตอนไหนและสิ่งสำคัญคือต้องกำหนดช่วงเวลาเอาไว้อย่างแน่นอนเอา และการเทรดในเวลาเดิมซ้ำๆ กันทุกวันจะยิ่งช่วยให้คุณเกิดความคุ้นเคยกับพฤติกรรมของตลาดในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย
ชีวิตของเทรดเดอร์อิสระ
มันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราเห็นในภาพยนตร์ เทรดเดอร์ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ชนิดหนึ่งที่มักจะต้องทำการการจัดกับความความเสี่ยงด้วย
ภาพยนตร์อาจทำให้คุณเชื่อว่าเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้นเป็นคนฟุ่มเฟือยและชอบความหรูหรา แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ถ่อมตัวและเข้าใจว่ากลยุทธ์การเทรดของพวกเขานั้นอาจจะไม่สามารถใช้งานได้เมื่อใดก็ได้
เทรดเดอร์อิสระที่ประสบความสำเร็จจะมีวินัยที่ดี พวกเขาจัดระเบียบชีวิตในช่วงเวลาเปิดทำการของตลาด พวกเขาบางคนอาจถูกบังคับให้ทำงานในเวลากลางคืนเพื่อดูแลการซื้อขายเทรดเดอร์แบบรายวันที่อาศัยอยู่ในเวลลิงตันหรือนิวซีแลนด์อาจจะต้องเริ่มการเทรดในเวลาประมาณเที่ยงคืนหากพวกเขาต้องจะทำการเทรดในตลาดของสหรัฐฯ
สรุป
Day trade ถือเป็นกิจกรรมทางธุรกิจที่ต้องอาศัยความจริงจังซึ่งคุณสามารถทำกำไรได้มากหากคุณมีความขยันหมั่นเพียร ไม่ว่าคุณจะเทรดในตลาดไหนก็ตาม สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องมีความเชี่ยวชาญในตลาดนั้นเพียงตลาดเดียวก่อนหรือโฟกัสไปที่การใช้งานเครื่องมือทางการเงินเพียงบางอย่างเท่านั้น และเมื่อเวลาผ่านไปคุณก็จะคุ้นเคยกับตราสารที่คุณเลือกเทรดเอง
การเตรียมตัวเป็นกุญแจสำคัญในการเทรดแบบรายวัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องวางแผนการซื้อขายล่วงหน้าไว้และขยันหมั่นเพียรอยู่ตลอดเพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดโอกาส การที่จะกลายเป็นเทรดเดอร์รายวันที่ประสบความสำเร็จได้นั้นคุณจะต้องมีแผนการการเทรดที่ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีและรวมถึงการทำการบันทึกการซื้อขายด้วย