Swing Trade คืออะไร

September 10, 2021

Swing trade เป็นรูปแบบการซื้อขายโดยการถือคำสั่งเทรดไว้นานระยะเวลาหนึ่ง อาจจะเริ่มตั้งแต่สองสามวันไปจนถึงสองสามสัปดาห์ มันเป็นรูปแบบการเทรดที่อาศัยจำนวนการเทรดมากๆ ซึ่งเทรดเดอร์ต้องพยายามหาจังหวะที่ดีเพื่อเข้าไปในตลาด  

Swing trader จะหาจังหวะที่ดีเพื่อเข้าไปในตลาด จากนั้นก็ปิดคำสั่งเทรดลงในจังหวะที่ตลาดอาจเกิดการกลับตัว Swing มีความหมายว่าคลื่น เนื่องจากเทรนต์เกิดจากการฟอร์มตัวของชุดคลื่นหลายชุด และเป้าหมายของ Swing trade คือการใช้ประโยชน์จาดตัวคลื่นเหล่านี้ให้มากที่สุด

สารบัญเนื้อหา คลิกเพื่ออ่านในหัวข้อต่างๆ

โบรกเกอร์ที่ดีที่สุด 3 อันดับแรกสำหรับ Forex Swing Trade 

Exness, XTB และ Capital.com เป็นโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับ Swing trade

💵
pips (EUR / USD)
💰
เงินฝากขั้นต่ำ
💲
ค่าธรรมเนียม
🏦
หน่วยงานควบคุม
 
โบรกเกอร์ CFD และ Forex  ที่ดีที่สุด
โบรกเกอร์ CFD และ Forex ที่ดีที่สุด
💵
pips (EUR / USD)
0.10
💰
เงินฝากขั้นต่ำ
$1 (~฿32)
💲
ค่าธรรมเนียม
ต่ำ
🏦
หน่วยงานควบคุม
เหมาะกับการเทรด Forex
เหมาะกับการเทรด Forex
💵
pips (EUR / USD)
0.78
💰
เงินฝากขั้นต่ำ
$1 (~฿32)
💲
ค่าธรรมเนียม
ต่ำ
🏦
หน่วยงานควบคุม
เหมาะกับการเทรด Forex และหุ้น
เหมาะกับการเทรด Forex และหุ้น
💵
pips (EUR / USD)
0.6
💰
เงินฝากขั้นต่ำ
$10 (~฿ 311.24)
💲
ค่าธรรมเนียม
ต่ำ
🏦
หน่วยงานควบคุม

Exness

Exness เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ของเราที่ดีที่สุด เป็นโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมการเทรดฟอเร็กซ์, หุ้นและคริปโตที่ต่ำที่สุด อ่านรีวิว Exness ฉบับเต็มของเรา

โบรกเกอร์ที่ดีที่สุด 3 อันดับสำหรับ Swing Trade ในหุ้น, ดัชนีและ ETFs 

XTB, Avatrade และ Capital.com เป็นโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับ Swing trade ในตลาดหุ้น

💵
ค่าคอมมิชชั่น
💰
เงินฝากขั้นต่ำ
💲
ค่าธรรมเนียม
🏦
หน่วยงานควบคุม
 
เหมาะกับการเทรด Forex
เหมาะกับการเทรด Forex
💵
ค่าคอมมิชชั่น
0.12%
💰
เงินฝากขั้นต่ำ
$1 (~฿32)
💲
ค่าธรรมเนียม
ต่ำ
🏦
หน่วยงานควบคุม
เหมาะกับการเทรด CFD
เหมาะกับการเทรด CFD
💵
ค่าคอมมิชชั่น
0.13%
💰
เงินฝากขั้นต่ำ
$100 (~฿3,100)
💲
ค่าธรรมเนียม
ปานกลาง
🏦
หน่วยงานควบคุม
เหมาะกับการเทรด Forex และหุ้น
เหมาะกับการเทรด Forex และหุ้น
💵
ค่าคอมมิชชั่น
0%
💰
เงินฝากขั้นต่ำ
$10 (~฿ 311.24)
💲
ค่าธรรมเนียม
ต่ำ
🏦
หน่วยงานควบคุม

Swing Trade เป็นอย่างไร

Swing traders มักจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมกับปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ 

โดยทั่วไป Swing trader มักจะเทรดตามชาร์ทที่สี่ชั่วโมง (H4) และรายวัน (D1) พวกเขาจะใช้การวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการตัดสินใจลงทุน

Swing trader อาจจะต้องถือความเสี่ยงอยู่ในตลาดเป็นเวลานานเนื่องจากจะต้องถือคำสั่งเทรดไว้นานหลายวัน และเมื่อราคามีการเคลื่อนที่มากขึ้น เขาก็จะเปิดคำสั่งเทรดขนาดเล็กๆ เท่านั้น โดยมักจะเล็กกว่าขนาดของเทรดเดอร์รายวันหรือ Scalper ที่มักจะใช้เลเวอเรจมาช่วยในการเทรดมากกว่า

อย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว Swing traders อาจจะใช้เลเวอเรจที่ต่ำ แต่มาร์จิ้นเทรดดิ้งในการซื้อขายแบบ Swing trade ก็อาจมีความเสี่ยงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเข้าไปตอนที่ตลาดเริ่มมีความผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เครื่องมือที่ Swing trader นิยมใช้มากที่สุดในการวิเคราะห์ตลาดก็คือกราฟและตัวอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือ Moving averages รูปแบบกราฟต่างๆ หรือ Congestion figures เช่น รูปสามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยมและมุมเอียงถือเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่ซึ่ง Swing trader

สามารถนำไปใช้ในการเทรดได้ และในทำนองเดียวกันรูปแบบแพทเทิร์นของส่วน Head, Shoulders และ Double top จะถือเป็นจุดกลับตัวของกราฟโดยถือว่าเป็นโอกาสที่น่าเข้าไปเทรด 

Stop Loss และ Take Profit

ในการเทรดแบบ Swing trade ผู้เทรดจะต้องมีจุด Stop loss ที่กว้างพอสมควรเพื่อไม่ให้กราฟราคามาถึงจุดตัด Stop loss เร็วเกินไป โดย Swing traders จะตั้งจุด Stop loss กว้างออกไปกว่า 100 pips จากจุดที่เขาเริ่มเปิด แต่ในทางตรงกันข้าม Scalpers จะตั้งจุด Stop loss กว้างออกไปเพียงไม่กี่ pip เท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุคนที่บอกได้ชัดว่าทำไมขนาดการเทรดของ Swing traders จึงมาขนาดเล็ก อีกทั้งพวกเขาจึงได้รับผลกระทบจากตลาดน้อยกว่านั้นเอง  

โดยปกติพวกเขาจะวางจุดตัดทำกำไรกับจุดที่เปิดห่างกันกว่าหลายร้อย pip การเทรดในรูปแบบนี้จะมีอัตราส่วนผลตอบแทน/ความเสี่ยงหรือ Return/Risk ratio ที่ดีกว่าการเทรดแบบรายวันและ Scalping

มีอัตราส่วน Return/Risk Ratio ที่ดีกว่าจริงเหรอ

โดยทั่วไปแล้ว Swing trading จะมีจุดตัดทำกำไรเยอะกว่าจุดตัดขาดทุน นี้จึงหมายความว่าเราได้คาดหวังถึงผลกำไรมากกว่าการขาดทุน Return/Risk ratio ที่มีค่ามากกว่า 1 หมายความว่ามีความน่าจะเป็นที่จะเทรดได้กำไรสูงกว่า 50% ซึ่งนี่ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำกำไรในฐานะเทรดเดอร์

Swing Trade ควรจะนำไปใช้เทรดกับตราสารอะไร

Swing trade สามารถใช้เทรดได้กับตราสารทุกชนิด ตลาดแต่ละประเภทจะมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน ดัชนีอาจจะไม่เคลื่อนไหวมากในช่วงหลายสัปดาห์ ดังนั้นคลื่นกราฟของคู่สกุลเงินก็จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนหุ้นก็อาจจะผันผวนอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ

สภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดคือมีความผันผวนเกิดขึ้นในตลาด และเมื่อเครื่องมือทางการเงินมีลักษณะแบบ Bullish และ Bearish waves หรือกราฟขาขึ้นและขาลง ด้วยวิธีนี้เองจึงทำให้ Swing traders สามารถคาดการการกลับตัวและหาจุดเข้าไปเทรดได้

Swing Trade อย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

มี 2 ตัวเลือกให้เทรดเดอร์ได้ลองนำไปทำตามกัน

  • เน้นเทรดไปที่ตราสารเพียงประเภทเดียวเท่านั้นโดยนำรูปแบบแพทเทิร์นต่างๆ มาใช้งาน
  • เน้นไปที่รูปแบบแพทเทิร์นประเภทเดียวเท่านั้น แล้วนำแพทเทิร์นนี้ไปใช้กันตราสารประเภทต่างๆ 

ในกรณีแรก ตัวอย่างเช่นเราติดตามกราฟรายวันของ EUR/USD ซึ่งเราสามารถเทรดแบบ Breakouts, Pullbacks หรือเทรดแบบช่วงๆ ก็ได้ เราจะพยายามหาประโยชน์จากการเคลื่อนที่ทั้งหมดของตราสาร

ในกรณีที่สอง เราจะเน้นไปที่ลักษณะของกราฟเพียงลักษณะเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น Breakout หรือการ Breakout ของแพทเทิร์นสามเหลี่ยม จากนั้นเราก็จะหารูปแบบของกราฟแบบนี้ในตราสารทางการเงินต่างๆ เช่นในหุ้นที่อยู่ใน Nasdaq 100 หรือบน Cryptocurrencies(สกุลเงินดิจิทัล)

วิธีนี้จะทำให้เราจัดระเบียบการเทรดของเราให้ดีขึ้นและเราจะได้ไม่ต้องมานั่งสุ่มในการเข้าเทรด

คุณสมบัติของ Swing Trader – จะเหมาะกับคุณไหม

มีแหล่งข้อมูลมากมายในการเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดแบบ Swing trade เช่น Podcasts, หนังสือ, บล็อกและอื่นๆ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับมุมมองทางเทคนิคของ Swing trade นอกจากนี้ยังมีสอนแง่มุมทางจิตวิทยาที่มีความสำคัญด้วยเช่นกันและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเทรดแบบนี้

ยึดมั่นกับแผนการเทรดของคุณ

มีได้ก็มีเสียเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนจะต้องเจอเมื่อเข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ แต่สิ่งสำคัญสำหรับ Swing trader ก็คือการยึดมั่นกับแผนการการเทรดไว้ตลอดเวลา การเทรดบางครั้งอาจจะไม่มีสัญญาณการซื้อขาย ในช่วงเวลาแบบนี้คุณจำเป็นต้องต่อสู้กับใจของตัวเองว่าควรจะเข้าไปเทรดดีไหม

นอกจากนี้ในหน่วยเวลา 4 ชั่วโมงและ 1 วัน สัญญาณการซื้อขายอาจใช้เวลานานในการฟอร์มตัวขึ้นมา Swing trader 

จะต้องมีความอดทนให้มากพอ รอกราฟเกิดเป็นรูปแบบตามที่ต้องการก่อนแล้วจึงค่อยเข้าไปเทรด

จำกัดระดับความเสี่ยง 

ระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้นั้นไม่เท่ากัน ดังนั้นคุณจะต้องหาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับคุณเองให้ได้ ตัวอย่างเช่นคุณเริ่มต้นโดยจำกัดความเสี่ยงไว้ไม่เกินกว่า 2% ในแต่ละคำสั่งเทรด บางคนอาจจะสามารถรับความเสี่ยงได้ที่ 5% ต่อการซื้อขายก็ได้

อย่างไรก็ตามเมื่อตั้งค่า Stop Loss แล้วโปรดจำไว้ว่าความผันผวนของตลาดสามารถเพิ่มขึ้นได้ตลอดเวลาหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบกับตลาด หากตลาดเกิดเคลื่อนไปเหนือความคาดหมายของเรา ต่อให้ใช้จุด Stop loss 100 pips ก็อาจจะไม่พอ

มองแผนระยะยาว

Swing trade นั้นแตกต่างจาก Scalping ที่คุณมักจะต้องกากำไรเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น Swing trader จะต้องวัดผลในระยะกลางและระยะยาวเป็นระยะเวลาหลายเดือนหลายเดือน  เทรดเดอร์ควรจะให้ความใส่ใจในทุกๆ การเทรด มีคำที่กล่าวว่า “อย่าตกหลุมรักการเทรดของคุณ”  ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์ควรทำตามวิธีการเทรดอย่างเหมาะสมและทำตามแผนการเทรดโดยวางใจเป็นกลาง

ติดตามข่าวเศรษฐกิจ

Swing traders มักจะมองตลาดในระยะยาว ซึ่งมันหมายความว่าระหว่างทางอาจจะมีผลกระทบจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้ economic events เช่น ผลประกอบการของบริษัท, ข่าว ฯลฯ ตลาดมีการเคลื่อนไหวตามข่าวอยู่ตลอดเวลา

มีแหล่งข้อมูลมากมายที่มีการวิเคราะห์และให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดไว้ การใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในการเทรดได้ นอกจากนี้มีนยังช่วยคุณในการวางแผนการตั้งจุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุนได้ด้วย

ไม่หยุดที่จะเรียนรู้

มีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยพัฒนากลยุทธ์ในการเทรดแบบ

Swing trade อย่างเช่นการหาข้อมูลต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตตลอดจนการอ่านจากหนังสือ

คุณต้องดูว่าแนวทางหรือกลยุทธ์ใดที่เหมาะกับคุณที่สุด คุณสามารถลองใช้บัญชีทดลองเพื่อทดสอบกลยุทธ์การเทรดได้แบบฟรีๆ โดยการทดสอบนี้ก็อาจจะต้องใช้เวลานานเป็นหลายเดือนถึงจะเห็นผลว่าใช้ได้หรือไม่

หากคุณมีลักษณะดังต่อไปนี้ Swing Trade ก็อาจจะไม่เหมาะกับคุณ

ถึงแม้ว่า Swing trade อาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่าการเทรดแบบ Scalping หรือแบบรายวัน แต่การเทรดแบบ Swing trade ก็ต้องอาศัยความอดทนและมีวินัยด้วยเช่นกัน

ไม่มีความอดทน

Swing trade เป็นรูปแบบการซื้อขายที่มีจำนวนครั้งในการเทรดน้อยที่สุด การเทรดหนึ่งครั้งอาจกินเวลานานหลายวันหรือหลายสัปดาห์ก่อนที่คุณจะสามารถบรรลุเป้าหมายหรือปิดการเทรดได้

ดังนั้นการเทรดแบบนี้จึงน่าจะเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีความอดทน และไม่เปลี่ยนใจจนกว่าตนเองจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ หากคุณเป็นคนที่เปลี่ยนใจง่ายหรือคิดที่จะกำไรแต่นี้ก็เพียงพอแล้วจึงอยากที่จะทำกำไรได้ไวๆ หากคุณมีความคิดแบบนี้ Swing trade ก็อาจไม่เหมาะกับคุณ

มีความกระตือรือร้นที่จะเทรดอย่างสม่ำเสมอ

คุณจะต้องมีแรงกระตุ้นในการวิเคราะห์และดูตลาดให้มากขึ้นแม้ว่าการเทรดแบบ Swing trade ไม่จำเป็นต้องเทรดบ่อยมากนัก อย่างเช่น Swing traders ส่วนมากมักจะชอบหาโอกาสเข้าไปในตลาดสักวันละครั้งตอนที่ตลาดอเมริกากำลังปิดอยู่ แต่ถ้าหากคุณต้องการเทรดบ่อยๆ คุณควรหันไปเทรดแบบ Scalping หรือ Day trade แทน

สิ่งที่ควรพิจารณาสำหรับ Swing Trade 

ความสามารถในการมองเห็นแนวโน้มในการซื้อหรือขายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Swing trade ให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ เทรดเดอร์จะต้องสามารถคาดการณ์การกลับตัวของกราฟราคาได้

เทรดตามเทรน

Swing trader มักต้องอาศัยแนวโน้มระยะยาวในการทำกำไร และเพื่อการทำกำไรให้ได้สูงสุดแล้ว เขาจะต้องเทรดไปตามเทรน มันเป็นเข้าเทรดในตลาดในฝั่งที่ไปตามเทรนแนวโน้มของตลาดและถือตำสั่งเทรดไว้ให้ได้นานเพื่อที่จะได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุด

การเทรดตามเทรนด์นั้นมีข้อดีหลายประการ หนึ่งคือช่วยลดต้นทุนการซื้อขายเนื่องจากคุณจะไม่ทำการซื้อขายบ่อยๆ  นอกจากนี้จากในประวัติศาสตร์ที่เคยมีมาในอดีตการทำกำไรครั้งที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นเกิดขึ้นในลักษณะนี้ คุณจะไม่สามารถที่จะทำเงินได้ 20% โดยการเทรดแบบ Scalping ได้ เว้นเสียว่าคุณจะเสี่ยงอย่างบ้าคลั่ง แต่

Momentum (โมเมนตัม)

โมเมนตัมเป็นสิ่งที่มีความเชื่อมโยงกับเทรนด์เป็นอย่างมาก โมเมนตัมเทรดดิ้งเป็นกลยุทธ์การเทรดที่ต้องอาศัยการเคลื่อนตัวที่ดีขึ้นของราคา มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการซื้อและขายตราสารตามความแข็งแกร่งของเทรนด์ในปัจจุบัน หากแนวโน้มเป็นขาขึ้นหรือ Bullish เราก็จะรอการกลับตัวเพื่อเข้าซื้อตราสาร แต่หากแนวโน้มเป็นขาลงหรือ Bearish เราก็รอจังหวะที่ดีแล้วทำการขายออก

แนวคิดก็คือเทรนด์จะมีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน โมเมนตัมเทรดเดอร์พยายามหาจังหวะที่ดีในทิศทางดังกล่าวจากนั้นก็เปิดคำสั่งเทรด แล้วก็ปิดคำสั่งเทรดเมื่อราคาเริ่มกลับ  ตัว และพวกเขาก็จะเริ่มเทรดใหม่อีกครั้งเมื่อการกลับตัวสิ้นสุดลง

Reversion (การกลับตัว)

การกลับตัวเป็นแนวคิดที่ว่าราคาของตราสารมักจะกลับสู่ค่าราคาเฉลี่ยเดิมที่เกิดขึ้นหลังจากมีการซื้อมากเกินไปหรือมีการขายมากเกินไป แนวคิดนี้จะต่างจากแบบโมเมนตัมซึ่งคาดว่าเทรนด์นั้นจะมีแนวโน้มที่จะไปต่อได้เรื่อยๆ

เทรดเดอร์ที่ใช้แนวคิดนี้จะกลับเข้าซื้อตราสารเมื่อราคาลดลงมากผิดปกติ เมื่อพบว่ามีการลดลงของราคาอย่างรวดเร็วมันก็มักจะถือเป็นโอกาสที่ดีที่ราคาจะกลับสู่ระดับปกติ ตรรกะเดียวกันนี้ก็สามารถใช้ได้เมื่อราคามีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์ล่าสุดอย่าง Covid-19 ก็ถือเป็นภาพประกอบของแนวคิดนี้ได้ดี ตลาดร่วงลงอย่างมากในเดือนมีนาคม แต่ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมราคาก็เริ่มปรับตัวขึ้นเพื่อเป็นการรักษาสมดุลให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าราคาก่อนวิกฤต ภาพเหตุการณ์แบบนี้ถือว่าอยู่ในระดับ “ปกติ” ที่มันจะมีการลดลงในช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดนี้ การลดลงมามากเกินไปของราคาถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่หวังว่าราคาจะฟื้นตัวกลับขึ้นไป

ความผันผวน

ความผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อ Swing trader เนื่องจากพวกเขามักจะถือคำสั่งเทรดไว้สักระยะหนึ่ง ซึ่งมันแตกต่างจากเทรดเดอร์ระยะสั้นที่ปิดสถานะการเทรดภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เปิดมันขึ้นมา

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2015 Swiss National Bank (SNB) ได้ยกเลิกฐานอัตราดอกเบี้ยจาก 1.2 ฟรังก์สวิสเป็น 1 ยูโร  เหตุการณ์นี้ส่งผลให้คู่สกุลเงิน CHF บางคู่ลดลงมากกว่า 2,000 pip เทรดเดอร์บางรายจะเริ่มเห็นได้ว่ายอดเงินของพวกเขาเริ่มกลายเป็นสีแดงแล้วเนื่องจากไม่ได้มี Stop loss 

เหตุการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่คุณควรจะต้องระวังเป็นอย่างมากถึงแม้มันจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็ตาม แต่มันก็สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดได้มากทีเดียว

วินัย

ถึงแม้ Swing trade จะไม่ได้มีการเทรดบ่อยเท่ากับการเทรดแบบ Scalping หรือ Day trade แต่มันก็ต้องอาศัยความมีวินัยเช่นเดียวกัน คุณจะต้องสักช่วงเวลาหนึ่งของวันเพื่อเข้าไปเทรดในตลาด คุณอาจจะเลือกช่วงเวลาในตอนเย็นก็ได้

ช่วงที่นอกเหนือจากช่วงเวลานี้ไปแล้ว คุณไม่ควรจะไปยุ่งหรือปรับเปลี่ยนคำสั่งเทรดใดๆ ของคุณเลย มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นว่าคุณได้เปลี่ยนจาก Swing trade ไปเป็นการเทรดแบบ Day trade แล้ว

การจัดการความเสี่ยง

การตัดสินใจว่าจะขนาดคำสั่งเทรดจะเป็นเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันอิงกับความผันผวนของตลาดด้วย ตราสารบางประเภทมีความผันผวนมากกว่าตราสารประเภทอื่นๆ ดังนั้นเราจึงต้องมีการตั้งจุดตัดขาดทุนและจุดทำกำไร และในทำนองเดียวกันเมื่อความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นคุณก็ต้องลดขนาดทำสั่งเทรดลง และขยายจุดตัดขาดทุนและจุดทำกำไรออกไป

ควรจะเทรดด้วยตัวเองหรือใช้ระบบอัตโนมัติดี

บ่อยครั้งที่การเทรดแบบ Swing trade นี้ไม่จำเป็นต้องใช้การเทรดแบบระบบอัตโนมัติ เพราะตามปกติแล้วคุณไม่ได้เข้าไปเทรดในตลาดบ่อยครั้งเท่าไหร่ Swing trade สามารถใช้กับแพลตฟอร์มพื้นฐานได้ซึ่งมันช่วยให้คุณทำการวิเคราะห์และส่งคำสั่งซื้อขายได้เอง และตัวสกีนเนอร์ก็เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่จะช่วยกรอกหุ้นที่คุณสนใจได้

เปรียบเทียบระหว่าง Day Trade กับ Swing Trade 

รูปแบบการเทรดต่างๆ ต่างมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความสามารถทางจิตวิทยาของคุณเอง

กรอบช่วงเวลาที่คุณเข้าซื้อขายในตลาดนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อการทำกำไรของคุณได้ ผู้ที่เป็น Day trader จะทำการเปิดและปิดคำสั่งเทรดจำนวนหลายครั้งที่เดียวในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งมันจะตรงกันข้ามกับ Swing trader อย่างสิ้นเชิงเพราะพวกเขาจะเปิดคำสั่งเทรดเพียงไม่กี่ครั้งต่อเดือนเท่านั้น เทรดเดอร์ทั้งหลายสามารถเลือกใช้รูปแบบการเทรดทั้งสองอย่างนี้ได้โดยจะเลือกแบบใดนั้นพวกเขาก็ต้องดูปัจจัยต่างๆ ดังนี้: จำนวนเงินทุน, เวลาและการรับมือกับความเสี่ยง

คุณไม่สามารถบอกได้ว่ารูปแบบการเทรดแบบไหนดีกว่ากัน ที่จริงการจะเลือกว่าสไตล์แบบใดถึงเหมาะกับคุณที่สุดนั้นต้องพิจารณาจากความพร้อมและความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยง ทั้งสองสไตล์นั้นต่างมีบางจุดที่คล้ายกัน เช่น Day trader อาจจะถือ Swing positions ไว้นานหลายวันก็ได้

Swing tradeDay trade
ใช้เวลาเทรดและอยู่ในตลาดค่อนข้างนานใช้เวลาเทรดและอยู่ในตลาดเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจจะเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ใช้เลเวอเรจไม่สูงใช้เลเวอเรจสูงซึ่งจะทำให้โอกาสขาดทุนเพอ่มสูงขึ้น 
ค่า Risk/Return ratio ดีบางครั้ง Ratio อาจจะน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1
ผลกระทบจากตลาดไม่มาก ผลกระทบจากตลาดมาก
ใช้เวลาน้อยอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวัน

กลยุทธการเทรดแบบ Swing Trade 

มีวิธีการมากมายสำหรับการซื้อขายแบบ Swing trade

การใช้แนวรับและแนวต้านร่วมกับตัวเลขแท่งเทียนของญี่ปุ่นเป็นที่นิยมกันมากในหมู่เทรดเดอร์

Support and Resistance (แนวรับ-แนวต้าน)

การเทรดโดยใช้แนวรับและแนวต้านนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายมากและสามารถใช้ได้ดีกับ Swing trade ในกรอบเวลาหลักๆ เช่นกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์ แนวรับและแนวต้านจะมีความสัมพันธ์มากกว่าซึ่งเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ในตลาดก็จะใช้ดูกัน

การใช้ S/R ที่พบบ่อยที่สุดเป็นแนวคิดเกี่ยวกับแนวรับที่เปลี่ยนเป็นแนวต้านและแนวต้านที่เปลี่ยนเป็นแนวรับ เมื่อแนวรับกลับตัวไปฝั่งขาลงมันก็จะมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแนวต้านแทน ในทำนองเดียวกันเมื่อแนวต้านข้ามกลับหัวลงมันก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแนวรับ ทั้งแนวรับและแนวต้านพวกนี้จึงมีความสำคัญต่อการเข้าซื้อขายของเทรดเดอร์

Swing trading Support and Resistance (แนวรับ-แนวต้าน)

Exness

Exness เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ของเราที่ดีที่สุด เป็นโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมการเทรดฟอเร็กซ์, หุ้นและคริปโตที่ต่ำที่สุด อ่านรีวิว Exness ฉบับเต็มของเรา

Fibonacci Retracements

ตัวอินดิเคเตอร์นี้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์ทางเทคนิค มันช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์การเริ่มต้นใหม่ของเทรนด์หลังจากที่มีการกลับตัว ระดับ Fibonacci retracement ที่มีมากที่สุดคือ 23.6%, 38.2% และ 61.8% ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์การย้อนกลับของส่วนขยายที่เกิดขึ้นมาแล้ว

เมื่อรูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียนของญี่ปุ่นก่อตัวขึ้นในระดับเหล่านี้ มันก็จะเป็นสัญญาณการเทรดที่มีความเกี่ยวข้องกันซึ่งคุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้

Swing trading Fibonacci Retracements

ในแผนภูมิด้านบนนี้ได้แสดงรูปแบบของความไม่แน่นอนที่เรียกว่า “tweezers” เกิดขึ้นที่ระดับ 38.2% (0.382) หลังจากที่มีการดึงกลับซึ่งมันถือเป็นการบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าจะมีการเริ่มต้นใหม่ของแนวโน้มขาขึ้น

Channels

Channels จะเกิดขึ้นเมื่อเทรนด์ไม่มีความปิดปกติซึ่งจะมีคลื่นทั้งขาขึ้นและขาลงที่มีแอมพลิจูดเดียวกัน ในช่วงเวลาของขาขึ้นนั้น จุดต่ำของ Channels ก็คือจุดเข้าซื้อขายที่เทรดเดอร์จะเริ่มเข้าเทรดได้ และในทำนองเดียวกันในช่วงเวลาที่เป็นขาลง จุดสูงสุดของ Channels ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการขาย

ด้วยการใช้หลักการของโมเมนตัมนี้ Swing trader สามารถสร้างกำไรได้หลายครั้งทีเดียว

Swing trading Channels

Breakout

การทะลุแนวรับและแนวต้านสามารถสร้างกำไรให้กับเราได้มากเนื่องจากมันมักจะมาพร้อมกับการขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วของราคา รูปแบบการเบรคที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ได้แก่ รูปแบบแผนภูมิสามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยม, มุมเอียงเป็นต้น การเบรคของราคานี้จะมาพร้อมกับความผันผวนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Swing trading Breakout

การเบรคลงของกราฟในชาร์ทสามเหลี่ยมนี้จะตามมาด้วยราคาที่ปรับจะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว

Swing traders บางรายมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ซึ่งมันจะทำให้คุณได้กำไรอย่างรวดเร็ว

ข้อดีของ Swing Trade

ช่วยประหยัดต้นทุนในการซื้อขายและค่อนข้างมีความยืดหยุ่น ซึ่งนี่ถือเป็นข้อดีหลักๆ ของ Swing trade

1- Swing trade ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากความผันผวนของหุ้น ราคามักจะมีการขึ้นและลงไปมา และการย้อนกลับของราคาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อ Swing trader เลย

2- มันจะช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนในการซื้อขายไปได้มากเมื่อเทียบกับการเทรดระยะสั้น ในช่วงเวลา 1 เดือนเราอาจจะเปิดการเทรดเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ดังนั้นแล้วต้นทุนจึงน้อยกว่าการเทรดแบบ Scalper 

3- คุณสามารถเลือกเวลาเทรดตอนไหนก็ได้ซึ่งมันจะไม่รบกวนตารางเวลาการใช้ชีวิตปกติของคุณเลย ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงานหรือเวลาที่อยู่กับครอบครัว 

 4- Swing trader จะมีอัตราส่วนผลตอบแทน/ความเสี่ยงหรือ Return/Risk ratio ที่ดีกว่า จุดตัดขาดทุนและและจุดทำกำไร

อาจจะอยู่ห่างจากจุดเริ่มต้น 150 pip และ 500 pip ตามลำดับ

ข้อเสียของ Swing Trade

Swing traders อาจจะมีความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นเกิดล่มหรือความสับสนในตลาดอื่นๆ

1- การป้องกันอาจจะช่วยให้คุณยังคงรักษากำไรของคุณไว้ได้นาน แต่มันก็ถือว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดหุ้นอาจจะพังได้ มันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจนอกเวลาการเทรดของคุณเพราะคุณไม่สามารถปิดคำสั่งเทรดได้  

2- Swing trade อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูน่าเบื่อเพราะคุณอาจจะทำกำไรไม่ได้เลยไม่ว่าคุณจะพยายามเทรดมานานแล้วหลายเดือน

สรุป

มือใหม่อาจจะเริ่มการเทรดแบบ Swing trade นี้ก็ได้เนื่องจากเป็นวิธีการเทรดที่มีความเสี่ยงน้อย นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถเทรดได้โดยที่เวลาในการเทรดจะไม่ไปรบกวนตารางเวลาของคุณ และแน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้นคุณอาจจะต้องใช้เวลาสักพักในการเรียนรู้วิธีการเทรดแบบนี้

หากคุณมีวิธีการทำกำไรในแบบที่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน คุณก็จะสามารถสร้างรายได้แบบพาสซีฟไม่ว่ามันจะมากหรือน้อยก็ตาม เนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องเทรดบ่อยครั้ง แต่อย่างไรก็ตามคุณควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในตลาดด้วย

Exness

Exness เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ของเราที่ดีที่สุด เป็นโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมการเทรดฟอเร็กซ์, หุ้นและคริปโตที่ต่ำที่สุด อ่านรีวิว Exness ฉบับเต็มของเรา

คำถามที่พบบ่อย

Swing trade เป็นอย่างไร

มีวิธีการมากมายสำหรับ Swing trade แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องมีความเชี่ยวชาญ และต้องมีแผนการและกลยุทธ์ที่ใช้งานได้จริง

ใช้กับการเทรดดัชนีอะไรได้บ้าง

Nasdaq 100 และ DAX เป็นดัชนีที่มีความผันผวนอยู่มาก และมันเป็นที่นิยมเทรดกับในหมู่ Swing trader

เข้าไปเทรดในตลาดไหนได้บ้าง

คุณสามารถใช้รูปแบบการเทรดนี้กับในทุกๆ ตลาดที่มีสภาพคล่องขั้นต่ำ

Trading.in.th
Logo
Enable registration in settings - general