Scalping เป็นแนวทางการเทรดโดยการซื้อและขายตราสารจำนวนหลายๆ ครั้งในวันเดียวกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อการทำกำไรเพียงเล็กน้อยในแต่ละครั้งเท่านั้น Scalper หรือผู้ค้ากำไรจะใช้ประโยชน์จากความผันผวนเล็กน้อยในตลาดเท่านั้นตามช่วงระยะเวลาต่างๆ อาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาทีเท่านั้น
โบรกเกอร์ 3 อันดับต้นๆ สำหรับการทำกำไรระยะสั้น (Scalping)
Exness, XTB และ FP Markets ถือเป็นหนึ่งในเหล่าโบรกเกอร์ที่มีบริการที่ดีที่สุดสำหรับ Scalping
ทำกำไรระยะสั้นในตลาดได้อย่างไร
แนวคิดของ Scalping หรือการทำกำไรระยะสั้น คือ การทำกำไรเล็กน้อยในเวลาสั้นๆ จากการเปิดและปิดคำสั่งการซื้อขายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำการเปิดคำสั่งซื้อใหม่เมื่อเห็นโอกาสใหม่ๆ
Scalping เป็นเรื่องของการทำการซื้อขายอย่างรวดเร็วในกรอบระยะเวลาอันสั้นๆ เท่านั้น โดย Scalper หรือผู้ค้ากำไรจะได้รับกำไรทันทีที่คำสั่งเทรดของของเขากลายเป็นสีเขียว พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาจะได้กำไรทันทีที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี พวกเขาสามารถทำการซื้อขายได้จำนวนหลายสิบครั้งหรือหลายร้อยครั้งภายในช่วงหนึ่งเซสชั่นของการซื้อขายก็ได้
ทำกำไรให้เร็วที่สุด
โดยทั่วไปแล้วเป้าหมายของเทรดเดอร์คือการสร้างรายได้ให้สูงสุดโดยการปล่อยให้คำสั่งซื้อขายที่เราเปิดนั้นดำเนินต่อไปจนชนะ โดยเรามักจะพูดว่า “Let profit run” คำพูดนี้หมายความว่าคุณจะต้องถือคำสั่งซื้อขายนั้นต่อไปและไม่รีบขายออกเร็วจนเกินไป คุณจะเข้าใจคำที่ว่านี้ได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อคุณเข้ไปอยู่ในเทรนด์ที่ถูกต้องจนคุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกอย่างของการทำกำไรระยะสั้นนั่นก็คือมันจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกรรมได้
ปัญหาคือคุณจะไม่รู้ว่าตลาดจะพลิกกลับทางเมื่อใด เมื่อราคาเริ่มกลับตัว คุณไม่สามารถบอกได้เลยว่านี่จะเป็นการกลับตัวเพียงเล็กน้อยหรือเป็นการเปลี่ยนเทรนด์ ดังนั้นการยึดหลัก “Let profit run” ก็อาจจะทำกำไรของคุณหายไปได้
และเมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้แล้ว เหล่า Scalper เลือกใช้วิธีการที่ดีกว่านั้น โดยการปิดสถานะคำสั่งเทรดทันทีที่พวกเขาได้กำไรแล้ว พวกเขาอาจจะเลือกตัดทำกำไรเพียงแต่ 2 จุดหรือ pips ก็ได้โดยขึ้นอยู่กับตราสารที่เทรด และกำไรที่ทำได้ก็สามารถครอบคลุมต้นทุนการเทรดได้ด้วย
สะสมกำไรทีละน้อย
เหล่า Scalper จะไม่นิยมหลัก “Let profit run” พวกเขาจะตัดทำกำไรจำนวนหลายครั้งก่อนที่ราคาจะกลับตัว นี่ยังหมายความว่าโดยส่วนมากแล้วพวกเขาจะมีอัตราการเทรดสำเร็จมากกว่า 60% และการทำกำไรจากเพียงแค่ 2-5 pips อาจฟังดูไม่มากนัก แต่ถ้าคุณคูณมันด้วยการเทรด 50 หรือ 100 ครั้ง มันก็สามารถสร้างกำไรได้มากเลยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีเงินทุนมาก
คุณสมบัติที่ดีของ Scalper มันจะเหมาะกับคุณไหม
หลักจิตวิทยา, ความเร็ว, วินัยและความสามารถในการปรับตัวเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการเทรดแบบทำกำไรระยะสั้น
Scalping เป็นวิธีที่เหมาะที่สุดสำหรับ Active traders
ที่สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและไม่มีความลังเลในการเปิดคำสั่งเทรด คนที่ใจร้อนมักจะสร้าง scalpers ที่ดีได้เนื่องจากพวกเขาสามารถคาดหวังว่าตำแหน่งของพวกเขาจะทำกำไรได้ทันทีหลังจากเปิด คนที่ไม่ค่อยมีความอดทนมักจะสามารถเป็น Scalper ที่ดีได้เนื่องจากพวกเรามักจะใจร้อนอยากจะให้สามารถทำกำไรได้ในทันทีที่เปิดคำสั่งซื้อ
ในการเป็น Scalper ที่ดีนี้คุณจะต้องมีสมาธิ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่วิธีการเทรดที่เหมาะสำหรับคนที่มักจะเสียสมาธิได้ง่ายๆ
ความเร็ว
ในการที่จะเป็น Scalper นั้นคุณจะต้องมีความว่องไว เนื่องจากจุดสัญญาณการซื้อขายที่ดีจะอยู่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น การเป็น Scalper คุณจะต้องไม่มีความลังเลใจเมื่อมีโอกาสเกิดขึ้น และก็ต้องพร้อมที่จะปิดคำสั่งเทรดทันทีที่เปิดหมายในการเทรดนั้นสำเร็จตรงตามเงื่อนไข เช่น ถึงจุดทำกำไร, มีสัญญาณจากตัวอินดิเคเตอร์ (เช่น Stochastic, Ichimoku), การกลับตัวของราคา ฯลฯ
มีสมาธิ
ในช่วงที่ทำการซื้อขาย Scalper จะต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเทรดเสมอ เพราะบางครั้งอาจจะมีบางสิ่งที่อาจทำให้เกิดการไขว้เขวได้บ้าง และสาเหตุที่สำคัญที่ว่าจุดในการเข้าเทรดที่ดีนั้นมีเพียงกี่วินาทีเท่านั้น คุณจึงควรจะต้องมีสมาธิอย่างเต็มเปี่ยมอยู่อยู่กับชาร์ทกราฟ ขณะที่ระหว่างเทรดก็จะมีเสียงสัญญาณการแจ้งเตือนที่ช่วยบอกสัญญาณการซื้อขายด้วย
มีวินัย
เมื่อพูดถึงเรื่องวินัยแล้ว การเทรดทำกำไรระยะสั้นนี้ต้องอาศัยความมีวินัยนี้ยิ่งกว่าการเทรดแบบรายวันหรือการเทรดแบบสวิงอีก Scalper ควรกำหนดช่วงเวลาในการเทรดเพราะการให้ความใส่ใจในส่วนนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในการเทรดแบบ Scalping อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือคุณจะต้องปฏิบัติตามแผนการเทรดของคุณอย่างระมัดระวังเพื่อเป็นการเพิ่มพูนผลกำไรของคุณเอง
ปรับตัวได้เร็ว
ตลาดอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างราวเร็วโดยคุณไม่ทันตั้งตัวเลย ฉะนั้นคุณจะต้องมีการเตรียมพร้อมป้องกันในสิ่งที่คุณอาจคาดไม่ถึง ในกรณีนี้เทรดเดอร์จะต้องสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือหยุดการซื้อขายจนกว่าจะมีสัญญาณเข้าเทรดที่ดีกลับมา
พึ่งพาตัวเองเป็นหลัก
การเทรดแบบ Scalping นี้จะต้องมีการทำการวิเคราะห์เชิงลึกมาบ้าง และเมื่อคุณเจอสัญญาณการเทรดแล้วคุณก็จะต้องสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปหวังพึ่งคนอื่นหรือรอสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ตัวอื่นๆ อีก ความเร็วในการตัดสินใจเองนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งทีเดียว
อย่าคิดจะเทรดแบบการทำกำไรระยะสั้นหากคุณเข้าลักษณะดังนี้
Scalping นั้นไม่ใช่วิธีการเทรดที่จะเหมาะกับเทรดเดอร์ทุกคน มันเป็นรูปแบบการเทรดที่ค่อนข้างจะยาก และหากคุณมีลักษณะทางด้านจิตใจดังต่อไปนี้ Scalping อาจจะไม่ใช่วิธีที่เหมาะกับคุณ
ไม่มีเวลาลงทุน
Scalping เป็นวิธีการเทรดที่คุณจะต้องอุทิศเวลากว่าหลายชั่วโมงในการหาโอกาสเข้าเทรด ถ้าหากคุณเป็นมนุษย์ทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มันก็อาจจะยากที่คุณจะทำกำไรระยะสั้นได้ แต่ถ้าคุณตัดสินใจที่จะจริงใจในการเทรดในช่วงค่ำ ช่วงเวลาที่ตลาดเกือบจะปิดแล้วและตลาดแทบจะไม่มีการเคลื่อนไหว วิธีนี้ก็อาจจะไม่ใช่ทางออกสำหรับคุณ ในการตั้งใจเทรดนี้คุณก็ต้องมั่นใจด้วยว่ามันจะไม่ขัดกับวิถีการใช้ชีวิตของคุณ
ไม่ฟุ้งซ่านง่าย
คุณจะต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ หากคุณถูกคนรอบข้างรบกวนและทำให้คุณไขว้เขวได้ง่าย คุณก็อาจจะประสบปัญหากับการเทรดในรูปแบบนี้ พื้นที่ที่ใช้ในการเทรดควรจะเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวให้คุณสามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอยู่ได้
ไม่มีความอดทน
Scalping อาจทำให้ภาวะจิตใจของคุณเหนื่อยล้าได้ หากคุณคิดว่าการนั่งอยู่หน้าจอคอมนานๆ ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยได้ง่าย
Scalping ก็อาจจะไม่เหมาะกับคุณ
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Scalping
อย่างที่คุณอาจจะเข้าใจแล้วว่า Scalping เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายามมาก ดังนั้นแล้วในฐานะที่เป็น Scalper สิ่งต่อไปนี้เป็นสิ่งที่คุณควรจะพิจารณา
ความมีวินัย
เราได้เห็นกันแล้วว่าคุณจะต้องลงมือทำจริงอย่างมีวินัยในตนเองเพื่อที่จะสามารถเทรดทำกำไรได้ วินัยเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน เพราะไม่ว่าจะเป็นการเทรดสไตล์ใดๆ ก็ตาม หากคุณไม่มีวินัย ไม่ขยันและไม่ทำตามแผนการเทรดแล้ว คุณจะไม่สามารถเป็น Scalper หรือเทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้
ค่าธรรมเนียมการเทรด
ในทุกๆ ครั้งที่คุณเปิดและปิดคำสั่งเทรดคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมซึ่งรวมถึงค่าคอมมิชชั่นและสเปรด ซึ่งค่าสเปรดเป็นค่าความแตกต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายของตราสาร
เนื่องจาก Scalping เป็นรูปแบบการซื้อขายที่เกิดขึ้นจำนวนมากซึ่งจะมากกว่าการซื้อขายแบบรายวันและการซื้อขายแบบสวิง ดังนั้นมันจึงมีราคาแพงกว่าเนื่องจากคุณได้เปิดคำสั่งเทรดจำนวนมาก และดังนั้นค่าคอมมิชชั่นก็จะมากขึ้นตามเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์รายวันสามารถได้รับถึง 50 pip ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง และทำการจ่าย 1 pip สำหรับค่าคอมมิชชัน + สเปรด ดังนั้นทำให้ได้รับกำไรสุทธิที่ 49 pip ในขณะเดียวกัน Scalper สามารถเปิดได้ถึง 10 คำสั่งเทรดโดยที่เขาจะได้รับ 5 pip ในทุกๆ ครั้ง แต่ในการเปิดคำสั่งเทรดแต่ละครั้ง เขาก็จะต้องจ่าย 1 pip สำหรับค่าคอมมิชชั่น + สเปรดซึ่งทำให้เขาได้รับกำไรสุทธิที่ 40 pip
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่ายิ่งมีปริมาณการเทรดมากเท่าไหร่ ก็จะมีต้นทุนสูงขึ้นเท่านั้น
สภาพคล่อง (Liquidity)
ความสะดวกที่ผู้ที่อยู่ในตลาดสามารถเปิดหรือปิดสถานะได้โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการคลาดเคลื่อน (ดูจากราคาที่คุณได้จริงกับราคาจากคำสั่งซื้อของคุณแตกต่างกันไหม) ตลาดที่มีสภาพคล่องคือตลาดที่ผู้เล่นสามารถซื้อและขายได้อย่างง่ายดายและสะดวก คู่สกุลเงินหลัก (ตัวอย่างเช่น EUR / USD, GBP / USD, USD / JPY เป็นต้น) เป็นตราสารที่มีสภาพคล่องมากตลาดดังกล่าวนี้จะเหมาะสำหรับ Scalping เนื่องจาก Scalper ต้องอาศัยการดำเนินการที่รวดเร็วและแม่นยำ
อย่างไรก็ตามตลาดที่มีสภาพคล่องอาจทำการซื้อขายได้ยาก โดยทั่วไปค่าสเปรดของตราสารที่ไม่มีสภาพคล่องก็จะมีค่าที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับ Scalping ตัวอย่างเช่นคู่สกุลเงินใหม่ๆ มีสภาพคล่องน้อยกว่าคู่สกุลเงินหลัก
ความผันผวน (Volatility)
มันถือเป็นความวิตกกังวลของตลาด ความผันผวนสำหรับตราสารถือเป็นตัววัดความกว้างของการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด ความผันผวนถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับ Scalper
โดยทั่วไปแล้วผู้คนจะแบ่งความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของความผันผวนออกเป็นสองส่วน เทรดเดอร์บางคนชอบความผันผวนสูง ในขณะที่บางคนอาจจะชอบตลาดที่ไม่ผันผวนมากนัก การที่มีความผันผวนสูงขึ้นเท่าใดก็จะยิ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคืนทุนได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และนี่คือเหตุผลที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ได้แนะนำให้ทำการ Scalping ในช่วงเวลาทำการของตลาด (ตอนที่ตลาดในยุโรปและอเมริกาเริ่มเปิด)
อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ไม่ได้ผันผวนหวือหวาก็ยังสามารถแสดงถึงโอกาสอันยิ่งใหญ่ได้ด้วย เราจะสามารถคาดเดาตลาดได้มากขึ้นเมื่อความผันผวนอยู่ในระดับต่ำ เช่นในช่วงเวลาของตลาดเอเชียสำหรับคู่สกุลเงินหลัก
ชั่วโมงการเทรด
ความผันผวนระหว่างวันมีความสัมพันธ์อย่างมากกับชั่วโมงในการเทรด ความผันผวนจะสูงขึ้นเมื่อตลาดยุโรปเปิดทำการและเมื่อตลาดสหรัฐและยุโรปเปิดทำการพร้อมกัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับ Scalping นั้นขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการทำกำไรระยะสั้นของคุณเอง หากคุณต้องการเทรดไปตามเทรนด์หรือต้องการลดต้นทุนให้น้อยที่สุด ช่วงเวลาในตอนต้นของตลาดในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด และในทางกลับกันหากกลยุทธ์ของคุณเป็นแบบที่ไม่ต้องการความผันผวน ช่วงเวลาของตลาดเอเชียก็น่าจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเทรด
ขนาดและทิศทางของเทรนด์
ข้อดีอย่างหนึ่งของการเทรดแบบ Scalping คือคุณสามารถทำกำไรทั้งในขาขึ้นหรือลงได้โดยที่ตลาดไม่ต้องมีความผันผวนสูง ขณะที่เทรดเดอร์รายวันและเทรดเดอร์แบบสวิงคาดหวังว่าราคาจะมีการเคลื่อนไหวในระดับที่คงที่ แต่สำหรับ Scalper สามารถได้ประโยชน์และทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของราคาได้
จดจ่อไปที่ตราสารเพียงประเภทเดียว
เราได้เห็นถึงความสำคัญของการมีสมาธิเพื่อให้การเทรดนั้นประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ในตอนเริ่มต้นคุณจำเป็นต้องเลือกที่จะจดจ่อไปที่ตราสารเพียงอย่างเดียวก่อน เพราะถ้าหากคุณติดตามตราสารหลายๆ รายการพร้อมกันแล้ว คุณอาจพลาดโอกาสบางอย่างไปได้ นักค้ากำไรมืออาชีพส่วนใหญ่จะมีความเชี่ยวชาญในตราสารเพียงบางรายการเท่านั้น และพวกเขาจะไม่ไปสนใจหรือมองหาโอกาสจากตราสารอื่นๆ
การจัดการความเสี่ยง
สิ่งที่สำคัญคือจะต้องมีการจัดการด้านการเงินอย่างเคร่งครัดและมีการจำกัดความเสี่ยงที่สามารถรับได้ ถึงแม้ว่า Scalpers บางคนอาจไม่ได้ตั้งจุดทำกำไรหรือจุดตัดขาดทุนไว้ แต่มันก็น่าจะปลอดภัยกว่าที่จะตั้งจุดตัดขาดทุนไว้บ้างเพื่อไม่ให้เกินการสูญเสียที่มากเกินไป
Scalping หมายถึงการเทรดโดยเมื่อสามารถทำกำไรเพียงเล็กน้อยแล้วผู้เทรดก็จะปิดคำสั่งเทรดนั้นลง มันจะเป็นที่น่าเสียดายมากหากคุณไม่ได้ตั้งจุดตัดขาดทุนไว้แล้วมันนำไปสู่การขาดทุนเป็นจำนวนมาก ราคาของตราสารต่างๆ สามารถเพิ่มขึ้นหรือลงลดได้ภายในเสี้ยววินาทีหลังจากที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจออกมา เช่น การประกาศตัวเลขตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และนี่จึงเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่คุณควรจะใช้เลเวอเรจในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น
ปฎิทินเศรษฐกิจ
Scalper จะต้องติดตาม economic calendar หรือปฏิทินเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด การประกาศตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ, คำประกาศของประธานของธนาคารกลางและแม้แต่การกล่าวสุนทรพจน์ของหัวหน้าของรัฐก็สามารถทำให้ตราสารเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้และทำให้ราคาเปลี่ยนไปในทางที่เราไม่พึงประสงค์ นี่จึงเหตุผลว่าทำไมการตั้งค่าจุดตัด Stop Loss จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ควรจะทำ Scalping ด้วยตัวเองหรือใช้ระบบอัตโนมัติดี
เทคนิค Scalping ที่ดีที่สุดส่วนใหญ่มันขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาหรือตัวชี้วัดทางเทคนิค มันจึงทำให้การใช้กลยุทธ์สำหรับ Scalping แบบอัตโนมัติทำได้ง่ายขึ้น หากคุณหาวิธี Scalping ที่สามารถทำกำไรได้แล้ว คุณควรทำให้มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ ข้อดีคือกลยุทธ์การเทรดแบบอัตโนมัตินี้คือจะมีความเป็นวินัยมากกว่า อีกทั้งเรายังสามารถทำ Backtesting และพัฒนากลยุทธ์ในการเทรดของคุณได้ด้วย
กลยุทธสำหรับ Scalping
เราสามารถเรียนรู้วิธี Scalping ได้ในหลากหลายรูปแบบ เราจะเห็นได้ว่ามีอยู่ 3 รูปแบบที่แตกต่างกัน โดยจะมีวิธีการดูจากหนึ่งคืออุปสงค์และอุปทาน และสองคือใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค
สมุดคำสั่งซื้อขาย
จากสภาพตลาดตามในรูปนี้ รายการคำสั่งซื้อขายคือรายการคำสั่งซื้อขายตราสารแต่ละประเภทที่แบ่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย มันจะระบุราคาและปริมาณที่เทรดเดอร์ในตลาดพร้อมที่จะซื้อและขายตราสาร
โดยทั่วไปสมุดคำสั่งซื้อขายจะเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์และได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติทำให้เทรดเดอร์สามารถใช้งานบนออนไลน์ได้ สมุดคำสั่งซื้อขายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์เนื่องจากให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานสำหรับตราสารได้ทันที เครื่องมือนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยการตัดสินใจสำหรับ Scalper มืออาชีพ
Bollinger Bands
Bollinger bands เป็นตัวชี้วัดความผันผวน เมื่อมันขยายกว้างขึ้นนั่นหมายความว่าความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น และในทางกลับกันเมื่อมันหดสั้นลงนั่นแสดงว่าความผันผวนกำลังลดลง นี่จึงเป็นตัวชี้วัดที่ดีสำหรับ Scalping
โดยทั่วไปแล้ว 95% ของแท่งเทียนจะก่อตัวขึ้นใน Bands และในทางสถิติสิ่งนี้ได้นำโอกาสมาให้สำหรับ Scalping เมื่อราคาเคลื่อนมาแตะที่เส้นด้านบนหรือล่างของ Bands
เรามักจะรอให้ราคาแตะหรือข้ามเส้นเพื่อทำการเปิดการเทรด และเราควรจะยกเลิกคำสั่งเทรดนี้หากแท่งเทียนเคลื่อนที่ไปเกินนอก Bands เราควรจะวางจุด Take profit ไว้ที่เส้นตรงข้ามของ Bollinger bands
วิธีนี้ใช้ได้ผลดีที่สุดในตลาดที่ไม่ผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่สกุลเงินหลักในช่วงเวลาของตลาดเอเชีย
Price Action
Price action อาจเป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับ Scalping
มันเป็นกลยุทธ์ในการเทรดที่เป็นที่นิยมมาก มันเกิดจากการสร้างพินบาร์ตามทิศทางแนวโน้มของชาร์ทในหนึ่งนาที (M1) เราใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 และ 30 (EMA) เพื่อช่วยให้เรามองเห็นทิศทางได้ดีขึ้น
หลังจากที่ราคาเคลื่อนขึ้นลงผ่านไปแล้ว เราก็คาดว่าราคาจะมีกลับตัวและก่อตัวสร้างพินบาร์บน EMA 20 ขึ้นมา หลังจากแท่งเทียนนั้นจบลง เราก็จะเปิดคำสั่งเทรดในทิศทางเดียวกับเทรนด์เมื่อการเคลื่อนไหวของราคาไปเหนือหรือต่ำกว่าค่าที่คิดออกมาได้ ในการขายทำกำไรนั้น เราจะใช้ค่าสูงสุดหรือค่าต่ำสุดในการฟอร์มราคาขึ้นมา การวางจุด Stop Loss จะวางไว้ใต้พินบาร์ที่ระดับ EMA 30
ข้อดีของ Scalping
ข้อดีหลักของ Scalping คือการควบคุมความเสี่ยงได้
- ความเสี่ยงน้อยลง: การที่คอยเฝ้าดูสถานะการเทรดอย่างใกล้ชิดและปิดคำสั่งเทรดให้เร็วที่สุดจะช่วยจำกัดความเสี่ยงในการสูญเสียได้มาก
- การเทรดแบบไม่มีทิศทาง: Scalping เป็นกลยุทธ์การเทรดแบบที่ไม่มีทิศทาง การเทรดแบบนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้แนวโน้มหรือทิศทางที่ชัดเจนของตลาดเพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวน
- ทำให้เป็นแบบอัตโนมัติได้ง่าย: กลยุทธ์สำหรับ Scalping ส่วนใหญ่สามารถทำได้อย่างอัตโนมัติ โดยมันมักจะขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดทางเทคนิค
ข้อเสียของ Scalping
Scalping เป็นการเทรดที่มีค่าใช้จ่ายได้สูงและอาจก่อให้เกิดความเครียดได้ง่ายซึ่งอาจจะกระทบต่อกำไรของคุณ
- ต้องใช้เงินทุนมาก: ในการสร้างผลกำไรที่ดีนั้นคุณก็จะต้องมีเงินทุนที่มากอยู่พอควร หากคุณมีเงินเพียง $1,000 ผลกำไรที่คุณจะทำได้ก็คงจะไม่มากเท่าไหร่
- มีต้นทุนการซื้อขายที่สูง: เนื่องจาก Scapling เป็นการเทรดที่ต้องอาศัยการเปิดคำสั่งเทรดหลายคำสั่งในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ต้นทุนที่เกิดขึ้นก็อาจจะลดผลกำไรของคุณได้อย่างมากหรืออาจจะนำไปสู่การขาดทุนได้
- ความเครียด: Scapling เป็นการเทรดที่ต้องอาศัยทั้งแรงกายและแรงใจอย่างมากซึ่งอาจทำให้เทรดเดอร์เกิดอาการเหนื่อยล้าหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราขอแนะนำให้มือใหม่จำกัดช่วงเวลาในการเทรดไม่ให้มากจนเกินไป
สรุป
Scalping เป็นรูปแบบการซื้อขายจำนวนมากซึ่งเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีความอดทนและมีวินัยมากที่สุด หากคุณทำได้อย่างมืออาชีพมันก็จะสามารถทำกำไรและสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอให้กับคุณ Scalping เป็นวิธีเทรดที่ธรรมดาและเรียบง่ายมาก แต่จะต้องอาศัยความมีวินัยถึงจะสามารถสร้างความมั่งคั่งแบบยั่งยืนได้